Cingjing Farm – Hehuanshan – Taroko – Hualien เส้นทางที่สวยสุดในไต้หวัน! (Day2)
วันนี้จะพาเที่ยวที่เที่ยวยอดฮิตของไต้หวันอย่างCingjing Farm-Hehuanshan-Taroko-Hualien รับรองว่าควรค่าแก่การไปทุกที่
แถมภาพบรรยากาศเส้นทางที่สวยที่สุดในไต้หวันชื่อว่า Central Cross Island Highway (เส้นทางจาก Cingjing Farm สู่เมือง Hualien) พลาดไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
ตอนที่เกี่ยวข้อง
- อ่านข้อมูลเบื้องต้นและสรุปค่าใช้จ่าย
- Sun Moon Lake สวยแค่ไหนเชียวนะ (Day1)
- Hualien ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ Taroko (Day3)
- เที่ยวไทเป 3 วัน 3 คืน ไปไหนได้บ้าง
LET’S GO กันเถอะ ทนไม่ไหวแล้วววว~~
วันนี้เป็นวันที่2 ของการเดินทาง ตื่นเต้นมาก ก่อนมาดูข้อมูลเยอะมาก เค้าบอกว่าเส้นทางนี้สวยที่สุดในไต้หวัน เริ่มเที่ยวจากCingjing Farm ก็อยากรู้แล้วว่าจะสวยจริงไหม ตามกันไปเลยค่า
วันก่อนเราได้ไปเที่ยวซันมูนเลค (Sun Moon Lake) มา เดี๋ยวจะมาบอกว่าSMLกับCingjing Farm ถ้ามีเวลาน้อยเลือกที่ไหนดี
ซิงจิ้งฟาร์ม (Cingjing Farm)
สำหรับเมื่อคืนเรานอนกันใกล้ๆCingjing Farmเลย ที่ Magaret Garden Villa ห้องพักดีมาก มีอาหารเช้าให้เลือกหลากหลาย รสชาติจืดๆตามสไตล์ไต้หวัน มีวิวมองเห็นจากระเบียงในตอนเช้า พระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาคือสวยตะลึงจนต้องออกถ่ายรูปชิคๆก่อนออกเดินทาง
จากที่พักใช้เวลาขับรถประมาณ 5-10 นาทีถึงซิงจิ้งฟาร์ม เท่านั้น เราต้องขับหาที่จอดรถ เป็นที่จอดรถเอกชนเลยไกลมาหน่อยจากสถานที่เที่ยวเพราะที่จอดรถที่ใกล้ก็จะเต็มไว เสียค่าจอดเหมาทั้งวันราคา 200 NT
วิธีเดินทางมา Cingjing Farm
1.จากTaipei
- รถไฟความเร็วสูงHSR:สถานีTaipei-Taichung
- รถไฟธรรมดาTRA:สถานีTaipei-Taichung
- รถบัสKuo-Kuang>รายละเอียด< จากสนามบินเถาหยวน/ไทเป-Taichung
จากTaichung นั่งรถบัสของ Nantou Bus มาถึงCingjing Farm
2.จากSun Moon Lake <-> Cingjing Farm
มี Cinjing Farm Passให้เลือกใช้ด้วยน้า (เลือกตามที่เหมาะสมกับทริปตัวเองเลย)
รถบัสของ Nantou Bus มาจอดถึงด้านหน้าเลย
Cingjing Farm ตรงส่วนGreen Green Glassland ราคาค่าเข้าวันธรรมดา 160NT วันหยุด 200NT
มาฟาร์มแกะก็ต้องเจอแกะสิคะ นี่ไง!! นั่นมันรูปปั้น 55555
บรรยากาศออกแนวยุโรปได้เลย อากาศเย็นๆนะคะ แต่แดดก็แรงเช่นกัน
ทำเป็นเข้มในฟาร์มแกะ
แต่น้องแกะ..เดินหนี TT
เข้ามาในส่วนฟาร์มเค้าจะเรียกว่า Cingjing Green Green Glassland (CGGG) ส่วนนี้จะมีน้องแกะวิ่งอยู่กลางทุ่งหญ้าและก็มีมุมให้ถ่ายรูปเพียบเลย ในแต่ละวันจะมีรอบแสดงโชว์ มีทั้งโชว์ม้า โชว์ตัดขนแกะ
ส่วนใครอยากไปเดินเล่น Sky Walk เสียค่าเข้า 50NT เข้าไปแล้วได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆเหมือนยืนท่ามกลางหุบเขาสวิตเซอร์แลนด์ยังไงอย่างงั้นเลย ถึงเราไม่ได้เที่ยว แต่ได้มองเห็นไกลๆจากในฟาร์มยังรู้เลยค่ะ อิอิ
ไม่มีอาหารให้แกะ แกะก็เมิน..เลยเมินแกะบ้างค่ะ 55555555
Cingjing Farm ถ่ายรูปที่ไหนก็ได้สวยไปหมด สมคำร่ำลือเลยที่ว่า “สวิตเซอร์แลนด์แดนไต้หวัน” สวยมากๆ หุบเขา ต้นไม้ ทุ่งหญ้า ทุกอย่างครบเลย
ชี้นก..ชี้ไม้ที่Cingjing Farm
มีน้องแกะเดินไปมาหน้าตาบ่งบอกว่า หญ้าาาา ไหนหญ้าาาา หญ้าาาา แม้เเกะจะร้องแบ๊ะๆแต่เราจับใจความได้ว่าหิวหญ้าแบ๊ะๆไม่เชื่อมองหน้าน้องสิ อิอิ
เดินดูรอบๆฟาร์มจนครบใช้เวลาไม่นาน ถือว่าเป็นฟาร์มที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่สวยมากจริงๆนะ ถ่ายรูปเล่นกันเพลินๆ ก็ถึงเวลาต้องเดินทางต่อแล้วค่ะ การเดินทางทุกครั้งต้องเผื่อเวลาด้วยนะ เผื่อหลง อิอิ
จบจากCingjing Farm เราก็เดินทางต่อกันเลยค่ะ ตอนนี้เราอยู่ถนนหมายเลข 14 นะคะ ยาวไปๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยัง หมายเลข 8 เส้นทางจะเป็นยังไงติดตามกันต่อเลยค่ะ
จากตรงนี้อยากบอกว่า หากใครมีเวลาน้อย ถ้าต้องเลือกระหว่างSun Moon Lake กับ Cingjing Farm เราให้ Cingjing Farm ชนะค่ะ เพราะบรรยากาศดีกว่ามาก ทั้งหุบเขา ทั้งอากาศคือได้ใจไปเลย จะถ่ายรูปตรงไหนก็สวยทุกมุม ส่วนใครไม่ใช่สายถ่ายรูปมาสูดอากาศ มามองหุบเขาคือสวยจริงๆค่ะ แถมถ้าใครมีเวลานอนคืนนึงแล้วซื้อทัวร์ไปHehuanshanดูพระอาทิตย์ขึ้นคงฟินสุดๆไปเลยแหละ
เหอหวนซาน (Hehuanshan)
วิธีเดินทาง:
จาก Cingjing Farm สามารถซื้อทัวร์ดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าที่Hehuanshan หรือทัวร์ครึ่งวันเที่ยวHehuanshan ก็สวยงามไม่ต่างกันเลยทีเดียว คลิกดูรายละเอียด รถจะมารับส่งเราที่โรงแรมแถวซิงจิ้งฟาร์มเลยจ้า
เส้นทางคดเคี้ยวมาก แต่พื้นถนนสภาพดี ข้างทางเป็นป่าบ้าง เหวบ้าง ไหล่ทางทำดี ตลอดทางมองไปทางไหนก็สวย สวย สวยไปหมดเลย 55555 คุ้มค่ากับการตัดสินใจมาจริงๆ
เส้นทางระหว่างไปHehuanshan เพื่อนร่วมทริปถึงกับพูดว่า :
“นี่หรอไต้หวัน”
“ไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ด้วย”
“Roadtrip ในฝันเลย”
@(*%)(@)_(%_)(^ บลาๆๆ
ตื่นเต้นตลอดเส้นทาง แน่นอน รับประกัน ^^
ขับมาเรื่อยๆจาก Cingjing Farm เพียงไม่นาน ก็เห็นป้ายเขตอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ พื้นที่อุทยานแห่งชาติทาโรโกะจะครอบคลุมกว้างมาถึงตรงป้ายนี้ซึ่งจริงๆยังอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ อีกไกลมาก ถ้าปักหมุดกันจริงๆตรงนี้จะเรียกว่า Kunyang parking
ปีนขึ้นเขาเล็กน้อย เพื่อไปดูวิวสวยๆด้านบนค่ะ
ป้ายอยู่ด้านล่าง เราอยู่ข้างบน ไม่สูงมาก แต่สวยมาก!!
ไม่อยากจะเชื่อว่าเราผ่านเส้นทางนี้มาได้จริงๆ
กอดดดดด
กลับมาที่รถเพื่อเดินทางต่อค่ะ เส้นทางยังอีกไกล นี่แค่จุดเริ่มต้นจริงๆ
ไม่รู้จะอธิบายบรรยายคำใดๆ ของวิวที่ถ่ายรูปออกมากี่พันรูปก็ไม่สวยเท่าตาเห็นเลย ภูเขาใหญ่โอบเราอยู่ในอ้อมกอดขุนเขาาาา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึงแล้วที่ Hehuanshan
Hehuanshan เป็นชื่อของเทือกเขา จะมี Trail ให้เดินหลายจุด สวยทุกจุดจริงๆแบบไม่ได้โม้ ลิงค์รวมเส้นทาง Trails ต่างๆครอบคลุมทั้งพื้นที่อุทยาน Taroko รวมถึงตรง Hehuanshan >> https://www.taroko.gov.tw/en/Tourism/TrailList
นอกจะจะมีเส้นทางเดินเขามากมาย ยังมีที่พักหนึ่งเดียวบนนี้ซึ่งเป็นของรัฐบาล และมี 3158 cafe ไว้ให้นั่งพักจิบเครื่องดื่มเคล้าวิวภูเขาให้อิ่มเอิ่บชื่นใจ
สำหรับเราHehuanshanสวยมากจริงๆ สำหรับใครที่มาดูพระอาทิตย์ขึ้น คุณจะเห็นภูเขาสีเหลืองทองสวยงามมากๆ ส่วนคนที่มาทัวร์ครึ่งวันสามารถเดินTrailsสั้นๆได้ด้วย
Central Cross-Island Highway
Central Cross-Island Highway หรือทางหลวงหมายเลข 8 เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในไต้หวัน แต่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเพราะมีโค้งที่เยอะมากท่ามกลางหุบเขาสลับซับซ้อนตลอดทาง
วิธีเดินทาง:
ปัจจุบันใบขับขี่สากลไทยไม่สามารถใช้ขับรถที่ไต้หวันได้แล้ว (ข้อมูลเดือนมกราคม2562)
- สามารถใช้บริการรถประจำทางสาธารณะเส้นทาง Cingjing-Hualien OKBus < คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม ต้องจองล่วงหน้าและมีให้บริการไม่ครบทุกวัน (เส้นทางนี้ต้องไปในช่วงอากาศดีเท่านั้นถึงจะสวยและไม่อันตราย ช่วงฝนตกเยอะควรหลีกเลี่ยงเพราะจะมีหินถล่มซึ่งอันตรายมากๆ)
จอดเก็บภาพสวยๆตลอดทาง
กี่โค้งผ่านไปนับไม่ไหวแล้วค่า ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะะะะะ
ป้ายเตือนเห็นเด่นชัด ตลอดทาง เตือนสติคนขับได้ดีเลย
มาช่วงมีนาคม ยังคงได้เห็นหิมะตามเขาบ้างบางจุดค่ะ นี่เป็นการเห็นหิมะของจริงครั้งแรกเลยนะ
บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนๆ เหมือนอยู่ในหุบเขา ช่วงนี้เป็นเส้นทางหมาย 8 แล้วนะคะ เปลี่ยนภูมิภาคแล้วค่ะ เส้นทางนี้ต้องไปในช่วงอากาศดีเท่านั้นถึงจะสวยและไม่อันตราย ช่วงฝนตกเยอะควรหลีกเลี่ยงเพราะจะมีหินถล่มซึ่งอันตรายมากๆ
เมื่อภูมิภาคเปลี่ยน สภาพอากาศก็เปลี่ยนตามเช่นกันค่ะ เส้นทางหมายเลข 8 นี้จะพบหมอกหนาได้ตลอดทาง
หลังจากผ่าน Hehuanshan มาพอประมาณ จะมีจุดแวะพักรถนึงที่มีร้าน Coffee and Tea มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มพวกชา กาแฟ โกโก้ เป็นต้น ทีเด็ดเห็นจะเป็นน้ำผึ้งพีชสำหรับซื้อเป็นของฝาก มีความหอมไปไกลถึง 10 บ้าน กระปุกเดียวไม่พอจริงๆนะ
มีนักท่องเที่ยวแวะกันมากมาย คนเยอะมากๆ เลยไม่ได้สั่งอะไรทานเลยค่ะ แวะเข้าห้องน้ำเท่านั้น
บรรยากาศร้าน เล็กๆไม่ใหญ่มาก
เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะสั่งชาร้อนกันแบบนี้เลยค่ะ คิวยาว รอไม่ไหวจริงๆ
แต่ภายในร้านก็มีของฝากอื่นๆอีกมากมาย และที่เราซื้อกลับมาเป็นน้ำผึ้งพีช ขวดที่เห็นตั้งอยู่นั่นแหละค่ะ ราคาประมาณ 200NT ตอนแรกเราและเพื่อนจะซื้อกันคนละขวดค่ะ แต่พอซื้อเขาบอกว่ามีโปรโมชั่น ซื้อ 5 แถม 1 ก็เอ่อ ถูกลงมาดี เลยโดนไป ตอนนี้ยังรู้สึกเสียดายอยู่เลยค่ะ ที่ซื้อมาน้อย หอมและอร่อยมากๆ
พอผ่านจุดแวะพักร้านกาแฟนี้ แม้ในกูเกิลจะบอกว่าทางยึกยือ แต่จริงๆแล้วเป็นช่วงทางลงแล้วค่ะ ไม่ยึกยือมากเท่าก่อนหน้านี้
เส้นทางนี้สิ่งที่เราชอบอย่างนึงคือภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจากภูเขาที่มีต้นไม้ใบหญ้าจนกลายเป็นภูเขาหินอ่อน ได้เห็นอะไรที่ไม่ซ้ำดี ตื่นเต้นตลอดทางเลยค่ะ
อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ Taroko National Park
ประมาณบ่ายสามโมง เราเริ่มขับเข้ามาในพื้นที่อุทยานแล้วหละค่ะ อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park) หรือ ไท่หลู่เก๋อ เป็นพื้นที่อุทยานที่มีหน้าผาสูงชันและภูเขาหินอ่อนลายสวยงามที่ถูกกัดเซาะด้วยน้ำสีฟ้าใสสะกดตา เป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมของคนไทยเช่นกันค่ะ
วิธีเดินทางจากไทเป:
นั่งรถไฟธรรมดาTRAสถานี:Taipei-Hualien >>ตารางรถไฟ
จากสถานีHualien สามารถเหมารถTaxiเที่ยวตามจุดท่องเที่ยว หรือนั่งรถบัสเดย์ทัวร์ จะปล่อยตามจุดเที่ยว >> รายละเอียดคลิก สามารถไปซื้อตั๋วได้ที่สถานีฮวาเหลียนบัสตึกสีส้ม
พื้นที่อุทยานแห่งนี้จะมีทั้งน้ำตก ถ้ำ เส้นทางเดินเขาเดินป่า วัด ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ห้องน้ำสาธารณะไว้คอยอำนวยความสะดวกครบครัน จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวก็จะมี ซุ้มประตูTaroko gorge,Visitor center,Shakadang Trailเทรลนี้เดินง่าย,Yanzihkou Trailเทรลเดินเลียบแม่น้ำสวยๆ,TianXiang,Xiangde Temple,สะพาน Cimuสีแดง,Changchun Shrineและtrailsต่างๆเลือกเดินได้ตามใจชอบจากลิงค์นี้ >>https://www.taroko.gov.tw/en/Tourism/TrailList
ตั้งแต่ขับรถเข้าพื้นที่อุทยานคืออยากแวะทุก 5 นาที สวยและดูยิ่งใหญ่มากๆ ตลอดเส้นทางนี้ไม่มีแพลนแล้วหละค่ะ เพราะถ้าเห็นอะไหนสวยและมีจุดจอดรถ เราก็จะลงไปทันที
ที่เราแวะนี้ก็มากันแบบ งงๆ ฮะ เป็นจังหวะที่ขับรถผ่านอุโมงค์มา และหันไปเห็นสายน้ำหนึ่ง สวยมากจนอยากไปเห็นใกล้ๆ จึงเดินลงด้านข้างอุโมงค์ ตรงนี้เป็นทางสำหรับเดิน Trail ค่ะ เดินลงมาเรื่อยๆจนเห็นป้ายติดประกาศว่า “ปิด” เสียดายเลยค่ะ
เดินลงมา ก็เดินกลับขึ้นไปค่ะ 5555
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราแวะจอดรถและเก็บภาพบรรยากาศมาฝากค่ะ เราชอบการทำเส้นทางของประเทศไต้หวันมากๆเลย เจาะทะลุเขาไปเลย ขับง่าย ปลอดภัยด้วย
ขับต่อไปเรื่อยๆ มาเจอจุดยอดนิยมมีชื่อว่า Tianxiang เราก็แวะค่ะ ตรงนี้มีร้านค้า ร้านอาหาร มีห้องน้ำสาธารณะ พร้อม เราเลยถือโอกาสพักรถ พักคนด้วยค่ะ จอดรถปุ้ปเข้าเซเว่นปั้ป ครั้งนี้ได้ลองซื้อชานมสีม่วงมาชิม ชิมไปเดินไปทำไมมีความสุขจังเล้ยยย 55555
จากจุดนี้จะเห็น Xiangde Temple ด้วยค่ะ วัดที่อยู่บนเขาสูง สวยงามยิ่งใหญ่อลังการมาก
ออกจาก Tianxiang มาได้ไม่นานก็ยังจะแวะได้อีก วิวตรงหน้ามันชวนให้ต้องลงไปเก็บภาพจริงๆค่ะ
อยู่กับบรรยากาศแบบนี้ เวลาผ่านไปเร็วมากรู้ตัวอีกทีเราต้องเดินทางต่อไปยังเมือง Hualien แล้วก่อนที่ฟ้าจะมืดเป็นอันตราย และตลอดเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังเมืองฮวาเหลียน ก็ยังคงงดงาม
เมือง ฮวาเลียน Hualien City
วิธีเดินทางจากไทเป:
รถไฟธรรมดาTRAสถานี:Taipei-Hualien >>ตารางรถไฟ เลยจ้า
ถึงแล้วค่ะเมือง ฮวาเหลียน (Hualien City) เวลาตามคาดเลยประมาณ 5 โมงครึ่ง เวลาผ่านไปไวจริงๆ เมื่อเช้าเรายังอยู่เมืองภูเขาอยู่เลย ตอนนี้ขอต้อนรับสู่เมืองทะเลแล้วค่ะ
พอถึงฮวาเหลียนก็แวะเข้าไปเช็คอินที่พักกันก่อน นั่งพักให้หายเหนื่อย ก่อนจะออกไปหาอะไรกินกันค่ะ เราพักกันที่ HL sea homestay ที่พักอยู่ไม่ไกลจากตลาด Dongdamen Night Market ตลาดกลางคืนที่เค้าว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในฮวาเหลียน เก็บของกันก่อนแล้วไปฝากท้องที่ตลาดกันค่ะ
เดินจากที่พักไปประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ช่วงเย็นคนเยอะคึกคักดีค่ะ
ทางเข้ามีซุ้มประตู เห็นเด่นชัดเลย
บรรยากาศคล้ายๆงานวัดบ้านเราเลยนะ มีปาโปร่ง คีบตุ๊กตา สนุกสนาน ครื้นเครงกันไป ส่วนของกินก็มีไม่น้อยเลย ท้องร้องจ๊อกๆ หิวนะ แต่…แต่…แต่…กินอะไรไม่ค่อยเป็นเลยค่ะ หน้าตาอาคารไม่คุ้นตา ป้ายร้านค้าส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาไต้หวันสะด้วย
เราเลยเดินแหล่งร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆกัน เดินเลือกร้านอีกเกือบชั่วโมง มันเยอะจนเลือกไม่ถูกจริงๆ จนแล้วจนรอด เราก็ไม่อยากเข้าร้านไหนเลยซะงั้น 5555 เลยกลับไปเอารถเพื่อขับวนหาแล้วหละค่ะ
สุดท้ายเลยสุ่มเข้าไปร้านหนึ่งค่ะ เป็นร้านอาหารไต้หวันแบบ Local เลย เห็นว่าคนเข้าร้านเยอะดี พอเปิดเมนูมาที โอ้ววเมนูไม่มีภาษาอังกฤษเลยจ้า นั่งไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง เพื่อเปิดเน็ตแปลเมนู อะไรมันจะยากขนาดนี้
หมดหนทางเลยเดินไปจิ้มที่รูป ที่ติดอยู่ตามผนัง คิดว่าน่าจะเป็นเมนูขายดี ต้องดีแน่ๆ พูดจีนไม่ได้ก็ใช้ท่าทางเอา แต่ก็ยังมีพนักงานพูดภาษอังกฤษได้คนสองคนเลยพอถูไถ และแล้วก็ได้อาหารมาในที่สุด ฮ่าาาาๆ รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ ผ่านนนน (เมนูทุกอย่างเป็นเนื้อหมูค่ะ และจะมีพวกผัดพักพื้นเมือง)
กินเสร็จแล้วก็ออกมาเดินชมเมือง ถามว่าอิ่มมั้ย สำหรับเราไม่ค่อยเลยค่ะ ยังขาดของหวานด้วย
เดินไปเดินมาเจอร้านเสี่ยวหลงเปา เอ๊ะไม่ใช่ของหวานนี่นา แต่ถ้าใครมาเมืองนี้จะพลาดเสี่ยวหลงเปาที่นี่ไม่ได้นะคะ ลูกละ 5NTเท่าน้านนน คนรอเยอะมาก ลูกหมูพุงเต้น สับขา เดินเข้าร้านอย่างว่องไวพร้อมสั่งมาลองคนละลูก …เอิ่ม ที่สั่งน้อยเพราะอยากกินอย่างอื่นอีกเยอะนะคะ อิอิ ลูกหมูทั้งหลายบอกอร่อยน้ำตาจิไหล สุดยอดเลยค่า
และแล้วสองขาก็นำทางเรามายังร้านชานมไข่มุก ร้านนี้ อร่อยใช้ได้ ชานมห้อมมมหอม~~แก้วสีขาวซีลพลาสติกปิดฝาแก้ว ติดตรงไข่มุกยังไม่โดนใจเท่าไร
ใกล้ๆกันมีร้านชานมไข่มุกร้าน Pony ก็ตัดสินใจลอง Milk Black Tea ที่ใส่ไข่มุก ลองแล้วหอมชื่นใจแต่สู้ร้านสีขาวไม่ได้นิดนึง แต่ไข่มุกชนะขาดลอยเลยค่ะ เหนียวแน่นหนึบหนุบหนับ
ระหว่างซื้อชา บังเอิญเห็น Food Truck ขายอาหารผัดๆทอดๆ เจ้าของร้านน่าจะรักและเอ็นดูน้องหมามากมาย โลโก้ก็รูปน้องหมาน่ารักกก เพื่อนเราเลยไปอ่านข้างรถ จับใจความได้ว่าเนื้อหมา !!!……. จะรักหรือหลอกก็บอกกันมาเลยยยย แฮร่
บรรยากาศยามค่ำคืน มีความเท่แบบจีนๆดีค่ะ
เราเดินชมเมืองจนค่ำ ร้านค้าปิด รถที่จอดไว้ก็เหลืออยู่คันเดียว โดดเดี่ยว ถึงเวลาที่ต้องกลับไปนอนเอาแรงแล้ว เพราะพรุ่งนี้เรามีกิจกรรมที่เมืองฮวาเลียน ที่น่าตื่นเต้นสุดๆ ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้แน่นอน มาเมืองทะเลทั้งที มีอะไรมากกว่าที่คิดแน่นอน ยังไงฝากติดตามตอนต่อไปของพวกเราด้วยนะคะ ทักมาพูดคุยหรือสอบถามได้นะ ฝันดีค่า
ถ้าชอบฝากติดตามด้วยนะ มีเรื่อง Update จะได้ไม่พลาดกันนะ
ขอบคุณทุกคนค่าาาา <3
Follow Me :
on Facebook Kalokkokgrace
on YouTube Kalokokgrace
on IG @kalokkokgrace