นั่งรถบัสไป คาวากูจิโกะ พักผ่อนชิวๆ นอนชมวิวภูเขาไฟฟูจิ
ได้เห็นภูเขาไฟ “ฟูจิ” แล้วนะ เรามาถึงญี่ปุ่นแล้วจริงๆด้วย
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนขึ้นรถบัสไป “คาวากูจิโกะ” (Kawaguchiko Station) จุดมุ่งหมายเดียวของการมาที่นี่ก็คือการได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ!!! ฟูจิซัง เย้ๆๆ ถึงแม้ไม่ใช่ฤดูหนาวที่เห็นเจ้าฟูจิใส่หมวกก็ตามแต่สิ่งที่ได้เห็น ก็ได้ทั้งความแปลกตาและสวยงามไม่แพ้กันเลยจริงๆ มาเริ่มกันเลย
วิธีการขึ้นรถบัสไปคาวากูจิโกะ (Highway Bus)
แน่นอนว่าการเดินทางในญี่ปุ่นนั้นทั้งหลากหลายและสะดวกแตกต่างกันไป หากอยากชมทัศนียภาพระหว่างทางแล้วละก็ การนั่งรถไฟก็ตอบโจทย์เลยทีเดียว นั่งสบายๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง หรือหากใครไม่อยากต่อรถไฟให้งุนงง รถบัสนี่แหละค่ะสะดวกสุด และสำหรับเราที่ไม่มี Pass ใดๆเลย จึงเลือกการเดินทางโดยรถบัสนั่นเอง สะดวก ราคาเดียว รวดเดียวถึงที่หมาย อยากรู้ว่าต้องทำยังไง เรามีวิธีการจองมาบอกจ้า
1.หาซื้อตั๋วได้ที่ไหน
การซื้อตั๋วสามารถซื้อได้ 3 ช่องทางคือ
- จองและชำระเงินผ่านทางออนไลน์
- เข้ามาซื้อได้ที่เคาร์เตอร์สถานีรถบัสด่วนชินจูกุ (ชั้น3)
- เข้ามาซื้อได้ที่เคาร์เตอร์ตึก Mark city (ชั้น5)
เราใช้วิธีการจองและชำระเงินผ่านทางออนไลน์ สามารถจองล่วงหน้าก่อนเดินทางได้ 30 วัน หากใครมีแพลนที่วางไว้แน่นอนแล้วแนะนำให้จองเลยค่ะ เพราะจะได้รอบที่ต้องการ ส่วนมากรอบเช้าๆจะเต็ม ซึ่งการจองนี้ต้องชำระเงินเลยทันที แล้วเมื่อถึงวันเดินทางก็นำหลักฐานไปแสดงต่อพนักงานก่อนขึ้นรถได้เลย วิธีจองง่ายๆตามนี้
เข้าไปที่เว็บไซต์ของรถบัส > Highway Buses คลิกเลยจ้า!
เว็บไซต์เป็นภาษาไทย เข้าใจง่ายสุดๆ เข้ามาถึงให้เราดูสถานีต้นทาง-ปลายทาง อันไหนที่เราต้องการจอง แล้วกดจอง
ดูเที่ยวรถ (ตรวจสอบที่นั่งว่าง)
ขั้นตอนต่อมาให้เข้ามาตรวจสอบที่นั่งว่าง โดยเลือกวันที่เราเดินทาง และจำนวนคน กดตรวจสอบที่นั่ง ระบบก็จะรอบรถบัสที่ว่างให้เราเลือก
รถแต่ละรอบบางคันมีห้องน้ำ บางคันไม่มีห้องน้ำ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หากใครที่ปวดฉี่บ่อยๆ เราก็สามารถเลือกรถที่มีห้องน้ำได้
จุดสำคัญที่ต้องจำไว้คือหมายเลขรถที่เราเลือก (ไว้สำหรับตอนที่ไปขึ้นแล้วเราดูว่าหมายเลขรถเราอยู่ที่ช่องจอดไหนนั่นเอง)
ลักษณะที่นั่ง
เมื่อเลือกรอบที่ต้องการได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาเป็นการสำรองที่นั่ง โดยให้เราเลือกได้ว่าจะนั่งโซนด้านหน้าหรือด้านหลัง หากเดินทางคนเดียวก็สามารถเลือกว่าจะนั่งริมหน้าต่างหรือริมทางเดิน
ขั้นตอนต่อมาหากใครที่เลือกเดินทางไป-กลับ ก็จะมาที่หน้าค้นหาที่นั่งอีกครั้ง แล้วก็เลือกรอบขากลับสำรองที่นั่ง ทำเหมือนตอนจองขาไปเมื่อกี้เลย
กรอกข้อมูลผู้โดยสาร
กรอกนามสกุลก่อนแล้วค่อยชื่อ และก็เบอร์โทรนะ กรอกให้ครบเพื่อไปยังหน้าถัดไป
05.ยืนยันข้อมูลการจอง
ตรวจสอบรายละเอียดให้ถี่ถ้วน เมื่อข้อมูลที่จองถูกต้องตามเลือกไว้เรียบร้อย ก็ไปกดไปที่ปุ่มจองได้เลย
กรอกข้อมูลบัตรเครดิต
จะจองก็ต้องจ่ายตังค์เลย ขั้นตอนนี้กรอกข้อมูลบัตรที่ให้เราจะจ่าย จะเป็นบัตรเดบิตก็ได้ เมื่อกรอกข้อมูลครบ กดหน้าถัดไป ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ในส่วนของประเภทของตั๋วโดยสาร ตอนเราจองเราเลือกแบบตั๋วโดยสารสำหรับมือถือ ได้รับเป็นลิงค์เว็บไซต์เข้ามาทางโทรศัพท์ คิดว่าพอไปถึงเปิดให้เขาดูง่ายๆ แต่!! เน็ตช้า คลิกเข้าไปแล้ว พนักงานเขางงๆ เราแนะนำว่าเลือกอีกแบบแล้วพิมพ์ออกมาดีกว่า
2. ไปขึ้นรถที่ไหน
การจองเสร็จสิ้น ชำระเงินเรียบร้อย ก็เหลือแต่วันที่จะมาขึ้นรถนี่แหละ ใครเลือกรอบเช้า ตื่นให้ไหว..มาให้ทัน!! มาก่อนเวลาจะได้เตรียมตัว สายไปนาทีเดียวรถออกไม่รอแล้วจ้า ส่วนเราก็เลือกรอบเช้า ลนกันสุดๆ รถไฟในตอนเช้ามีล่าช้านิดหน่อยและคนเยอะมาก
เราขึ้นรถที่สถานีรถบัสด่วนพิเศษชินจูกุ ถ้ามาจากสถานี JR ให้เดินเท้าประมาณ 1 นาที ใช้ทางออก “New South Gate” เห็นตึกแบบนี้ก็ให้กดลิฟท์ขึ้นมาที่ชั้น 4 เลยค่ะ เดินตามทางมาเรื่อยๆ เห็นรถบัสจอดอยู่มากมาย ให้เราเข้าไปดูตารางด้านในหรือถามพนักงานก็ได้ว่าหมายเลขรถของเรา จอดอยู่ช่องจอดไหน บอกตรงๆเลยว่าไปเกือบไม่ทัน เลยไม่ได้เก็บภาพมาเลย
Cr.https://www.shinjukustation.com
รถออก 7.15 ก็มาตรงเป๊ะเว่อร์ มายื่นตั๋วออนไลน์ให้พนักงานก่อนขึ้นรถ เขาดูงงๆ แล้วหยิบใบรายชื่อผู้โดยสารของเขามาแล้วชี้ไปที่ชื่อเรา เขาถามว่าใช่ไหม เราก็พยักหน้า คือในใบนั้น ชื่อทุกคนทุกติ๊กหมดแล้ว เราคือคนสุดท้ายเลยจ้า
เมื่อได้ขึ้นรถ ร่างกายที่เหนื่อยล้าก็หลับยาว ระหว่างทางมีรถติดบ้างบางช่วง แต่รวมๆแล้วใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ที่นั่งไม่แคบเกินไปและบนรถมีไวไฟด้วยจ้า ถ้าไม่นับเรื่องที่ต้องเร่งรีบเมื่อเช้า ทุกอย่างคือสะดวกมาก ตื่นมาคือถึงสถานี คาวากูจิโกะเลย
เที่ยวไหนดี?? คาวากูจิโกะ!!
ถึงที่หมายแล้ว ไปไหนต่อ 55555555 ก็ไม่มีแพลน!! จะให้ไปไหนหละ จริงๆแล้วที่มาที่นี่เพราะอยากมาเห็นภูเขาไฟฟูจิ อยากมาปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ แต่ร้านจักรยานที่ที่พักแนะนำก็เดินหาไม่เจอ สุดท้ายแล้วเราก็ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ มาดูว่าเราได้ไปที่ไหนมาบ้าง
ก่อนอื่นเมื่ออกจากสถานี จะเจอแผนที่จุดจอดป้ายรถเมล์ ต้องการเที่ยวที่ไหน ดูสายรถเมล์ว่าสีไหนผ่านที่จะไปบ้าง ดูง่ายมากๆ รถเมล์จะมี 4 สาย คือ เหลือง, แดง, น้ำเงิน, เขียว แต่ถ้าอยากได้แม่นๆ เข้าไปหยิบแผ่นพับด้านหนึ่งจะเป็นตารางเดินรถโดยสารประจำทางอีกด้านหนึ่งจะเป็นแผนที่ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจๆ หยิบมาพกติดตัวไว้อุ่นใจ 5555555
ป้ายรถเมล์ก็อยู่หน้าสถานีนั่นแหละ ที่แรกที่จะไปคือที่พักนะจ๊ะ ขอเก็บของสัมภาระที่แบกมามากมายนี้ก่อน เราพักที่ Hostel Fujisn FBH ขึ้นสายสีแดงหรือเขียวก็ได้ ลงป้ายหมายเลข 5 ลงปุ๊ป…เจอเลย ที่พักอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 2 กิโลเมตร 5 นาทีก็ถึงแล้ว
ที่พักนี้เราจองผ่าน Booking.com มาถึงก็เช็คอินและจ่ายตัง มาก่อนเวลาก็สามารถฝากของไว้ได้ พนักงานต้อนรับพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง สามารถดูรีวิวที่พักได้ > คลิกเลย!
หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อย ก็ได้ถามทางจากที่พักไปร้านเช่าจักรยาน ซึ่งเป็นทางเลียบทะเลสาบ บรรยากาศดีมากๆๆๆ อากาศเย็นสบาย สดชื่นสุดๆ ซึ่งสวนทางกับหน้าตาอันง่วงนอนตอนนั้นเหลือกัน 5555555
เดินตามทางมาเรื่อยๆ เมื่อเจอสะพาน (Kawaguchiko Ohashi) จะมีทางขึ้นเป็นบันได เดินขึ้นมาจะเจอกับถนนใหญ่ ซึ่งหลังจากนี้จะใช้การเดินเท้าทั้งหมด เดินไป..ถ่ายรูปเล่นไป ใช้พลังงานเยอะก็เริ่มหิว แต่จะไปร้านไหนดี ก็หาข้อมูลกันตอนนั้นเลย ซึ่งถูกใจอยู่ร้านหนึ่งและไม่ไกลมากด้วย เดินต่อเลยค่ะ
ถ้าไม่เจอร้านเกือบได้ฝากท้องกับ LAWSON แล้วจ้า แต่ GPS ก็ได้นำทางเราไปทุกที่ถึงที่หมายอย่างแม่นยำ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ ป้ายร้านก็เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ถ้าปักหมุดร้าน Gusto ร้านนี้แหละไม่ผิดแน่นอน เข้าเลยไม่รอแล้วจ้า
ร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงตี 2 สวรรค์ของคนนอนดึกชัดๆ บอกเลยว่ามาร้านเดียวได้ครบทั้งคาวหวาน ราคาทั่วไป สั่งเป็น Set จะคุ้มมาก ร้านอาหารเป็นกึ่งคาเฟ่ บรรยากาศดี ดูสบายๆ เข้ามาไม่เกร็งเลย จะมาแบบครอบครัวหรือกับเพื่อนๆชาวแก๊งแล้วนั่งเม้ายาวๆ ก็ยังได้ ที่นั่งเหลือเฟือมากๆ
ถ้าเห็นจากเมนูแล้ว มีให้เลือกเยอะมากจริงๆ อาหารที่เราสั่งจำชื่อเมนูไม่ได้ ราคาประมาณ 600-800 เยน สั่งเป็น SET มีข้าว มีซุป อิ่มแน่นอน
ระหว่างรออาหาร ก็ไปกดน้ำที่บาร์ได้ เครื่องดื่มเป็นแบบ Refill นะจ๊ะ เลือกกดได้ตามอัธยาศัยเลย มีทั้งน้ำหวาน น้ำผลไม้ ชา กาแฟ โกโก้ น้ำอัดลม ความรู้สึกเหมือนได้มากินบุฟเฟ่ยังไงอย่างงั้น รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ
รสชาติอร่อยถูกปากมากเลย กินหมดนี่คือมีแรงเดินต่อได้อีกเป็นกิโล 5555555 ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างของที่นี่ก็คือของหวานนะเมื่อเรากินข้าวเสร็จ ก็สั่งเป็น Soft serve วนิลา+คาราเมล หอมมากๆ อร่อยขอแนะนำเลยค่ะ เมนูของหวานก็มีให้เลือกเยอะไม่แพ้กัน แต่ท้องเราแน่นมากแล้วจริงๆ งื้อออ
จากนั้นเราก็ออกมาเดินเล่นกันต่อ ฟ้าเปิดเห็นภูเขาไฟฟูจิชัดเจน เป็นใจให้ถ่ายรูปมากๆ แต่รองเท้าเจ้ากรรมมาพังสะเนี่ย ใช้งานผิดประเภทก็ต้องรับสภาพไป ฮือออ ใครมาญี่ปุ่น เดินเยอะแน่นอน แนะนำว่าเอาที่ใส่แล้วเดินสบายที่สุดดีกว่าใส่แล้วสวยที่สุดแล้วพัง เสียดายเลย 5555555
เดินชมเมืองต่อไป แล้วมาสะดุดตาที่บ้านหลังนี้ มองไปแล้วนึกถึงการ์ตูนเรื่องโดราเอม่อน เวลาที่โนบิตะโผล่หัวมาที่หน้าต่างห้อง แล้วก็ใส่คอปเตอร์ไม้ไผ่ออกมาบินเล่น คล้ายอยู่ใช่มั้ยหละ
ร้านอะไรไม่รู้ สีน่ารัก เรียบๆ มินิมอลดีค่ะ เดิน
เดินถูไถไปมาเจอซูปเปอร์มาเก็ตด้วยมีชื่อว่า OGINO ค่ะ ไม่ห่างจากร้านอาหารที่ไปกินมามาก
ข้างในก็เหมือนซูปเปอร์มาเก็ตทั่วไป มีของกินน่ากินเยอะเลย แต่พอดีอิ่มมากๆ เลยไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมาด้วย
ออกมาด้านหน้าประตู เจอเจ้าตู้ถังขยะ ดีใจมาก แทบจะไม่เห็นที่ไหนเลย ขยะที่ยัดใส่กระเป๋ามานาน ทิ้งไว้ตรงนี้แหละ หน้าซูปเปอร์มาเก็ต ไปอ่านบทความมา นี่เป็นหนึ่งในข้อดีของซูปเปอร์มาเก็ตที่ญี่ปุ่นเลยนะ คือมีถังขยะ รองรับและแยกประเภทชัดเจน เป็นระเบียบมากๆ
พระอาทิตย์เริ่มตกดิน แสงแดดอ่อนๆมันช่างอบอุ่นจริงๆ ต้องกลับที่พักแล้วหละคะ ก่อนกลับได้แวะเซเว่นซื้อน้ำ ซื้อหนมเผื่อหิวตอนกลางคืน ได้เป็นชานมกับขนมโมจิไส้ช็อกโกแลตมิ้น หายากมากไปแต่ละที่ส่วนใหญ่จะหมด แต่ที่นี่มี เหลือๆเลย อร่อยนุ่มนิ่ม หอมนัวๆ 55555
ใช้เส้นทางกลับที่พักเป็นทางเลียบทะเลสาบเหมือนเดิม และได้มาแวะ Oki Park สถานที่ที่เป็นที่จัดงานหลักของเทศกาลดอกไม้ไฟในช่วงฤดูหนาว (หาข้อมูลภายหลัง) ตอนไปไม่รู้หรอกคืออะไร จุดเด่นคือมีรูปปั้น “เทพธิดาบนทะเลสาบ” ที่เราเห็นคือมีคนมาชุมนุมกันมากมาย พวกเขามาทำอะไรกันนะ?
ก้มหน้าก้มตาแบบนี้..จับโปเกม่อนนั่นเอง โถก็นึกว่ามีงานอะไร ทุกคนจริงจังมาก พระอาทิตย์ก็จะลับฟ้าแล้วหมดวันแล้วจริงๆหละ เวลาผ่านไปเร็วมากๆเลย
มาเที่ยวครั้งนี้ถึงไม่ได้ไปในสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ได้ไปไฮไลท์ให้เช็คอินหรือถ่ายรูปลง IG แต่วันนั้นที่เราเดินชมเมืองไปเรื่อยเปื่อย พร้อมกับอากาศที่เย็นกำลังดี ได้เห็นผู้คน ได้เห็นบ้านเรือน มันแฮปปี้แล้วนะ บางทีการเที่ยว ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่เที่ยวก็ได้ 55555 มาชมความสวยงามที่ “คาวากูจิโกะ” แบบเรียบง่าย สไตล์คนเวลาน้อย
แป๊ปๆเช้าวันใหม่ก็มาถึง รู้สึกได้ทันที่ว่าไม่อยากกลับเลย บรรยากาศแสนสงบนี้ ฟูจิซังข้างหน้านั้น ทุกอย่างสวยมาก มันเป็นความผ่อนคลายที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ตื่นมานั่งมึนๆชมวิว ก็อิ่มเอมเหลือเกิน
ฟูจิอยู่ตรงหน้าแล้ว แม้ไม่ใส่หมวก แต่ฟ้าก็เปิดให้เห็นความเขียวโล้นอย่างชัดเจน สวยงามแปลกตาออกไป อยากตื่นมาเห็นวิวแบบนี้ทุกเช้า แต่มันก็ไม่ได้ ได้แต่เก็บไว้เป็นความทรงจำ
กลับแล้วนะเจ้าฟูจิซัง
ก่อนขึ้นรถ เราซื้อข้าวปั้นที่สถานีคาวากูจิโกะ มากินบนรถบัส ราคา 170 เยน เนื้อแซลมอนเยอะ แน่น ในสถานีมีของฝาก ของที่ระลึก และขนมต่างๆน่ารักๆเยอะเลย หากใครมีเวลาก็มาเดินดูกันได้ ส่วนเรารีบจนลืมถ่ายภาพเก็บมาฝากอีกแล้วค่ะ
ประสบการณ์ครั้งแรก ทำอะไรก็รนๆไปหมด แต่ก็สนุกได้ผจญภัยจริงๆ ถ้าเพื่อนๆชอบการเดินทางของเรา ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ
ถ้าชอบฝากติดตามด้วยนะ มีเรื่อง Update จะได้ไม่พลาดกันนะ
ขอบคุณทุกคนค่าาาา <3
Follow Me :
on Facebook Kalokkokgrace
on YouTube Kalokokgrace
on IG @kalokkokgrace