เที่ยวโตเกียวและเมืองรอบๆ พายุเข้าทั้งวัน จะเป็นยังไง?

Published by graceiya on

กางร่ม..เที่ยวโตเกียว พายุเข้าก็เที่ยวได้ ชุ่มฉ่ำสุดๆไปเลย

อยู่โตเกียว เที่ยวไหนดี บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดในการจัดทริปเลย เพราะเที่ยวครั้งแรก จะไปที่ไหนก็น่าตื่นเต้นทั้งนั้น เราจึงดูที่เที่ยวยอดฮิตและมุมมหาชน ลิสรายชื่อมาและไปให้รู้เลยว่าของจริงเป็นยังไง

เราอยู่ เที่ยวโตเกียว  3 คืน 4 วัน และไปเที่ยวได้แบบเช้าเย็นกลับที่เมือง คามาคุระ จังหวัดคานากาว่า และ คาวาโกะเอะ  จังหวัดไซตามะ ซึ่งจากที่ได้ไปเที่ยวมาแล้ว ก็มีความประทับใจแตกต่างกันไป มาดูกันว่าที่เที่ยวฮิตๆที่ถูกลิสมา จะมีอะไรน่าสนใจบ้างตามมาดูกันเลย

โตเกียว (Tokyo,東京)

การเดินทางจากสนามบินนาริตะเข้ามาโตเกียวมีหลากหลายวิธี เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นของเราที่เคยเขียนไว้ได้ที่นี่ คลิกเลย! 

1. อะซะกุซะ (Asakusa, 浅草)
  • ที่พัก/ร้านอาหาร ราคาไม่แพง
  • มีสถานที่เที่ยวต่างๆอยู่ไม่ไกลกัน เดินเท้าได้
  • กลางวันครึกครื้น นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและต่างชาติเยอะ
  • กลางคืนเงียบสงบ เหมาะแกะการพักผ่อน

Asakusa_031

ย่านอาซากะสะเป็นเมืองที่เลือกไว้สำหรับพักในโตเกียวทั้งหมด 3 คืน เมื่อมาถึงวันแรกก็หมดแรงกับการเดินทางเลยค่ะ เดินวนหาที่พักอยู่นานด้วยความที่เป็นมือใหม่ 55555 ยัง งงๆ กับการดูป้ายสำหรับขึ้นรถไฟ ทำให้หลงไปบ้าง แต่พอได้หลงก็ทำให้เข้าใจ และรู้เลยว่าการขึ้นรถไฟใต้ดินที่นี่ง่ายและสะดวกมาก

Asakusa_032

รถไฟใต้ดิน วิธีสังเกตสายให้ดูที่สีค่ะ อย่างเช่นสาย Ginza จะเป็นสีเหลือง ^^

Asakusa_001

มาถึงแล้ว อาซากุสะ เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ลงป้ายหมายเลข (G19) เราขึ้นมาทางออกหมายเลข 4 (ใกล้ที่พัก) สถานที่เที่ยวแรกก็คือ วัดเซนโซจิ หรือที่รู้จักกันว่าวัดอาซากุสะนั่นเอง สามารถเดินเท้ามาได้เลยไม่ถึง 5 นาที เมื่อมาถึงก็จะเจอกับประตูทางเข้าชั้นแรก ประตูคามินาริมง คนเยอะมากๆ

Asakusa_002

Asakusa_003

Asakusa_004

ก่อนเข้าไปถึงศาลเจ้าด้านใน ตรงนี้มีชื่อเรียกว่า ถนนนากามิเซะ จะมีซุ้มร้านค้าตั้งเรียงยาวตลอดทางประมาณ 250 เมตร มีทั้งของซื้อของฝากและอาหารของกินเล่น เป็นบรรยายกาศที่คึกคักเลยทีเดียว

Asakusa_005

เด็กนักเรียนใส่หมวกสีเหลือง นึกถึงการ์ตูนมารูโกะเลยค่ะ น่ารักกก

Asakusa_006

ก่อนเข้าไปถึงศาลเจ้าด้านในจะเจอประตูอีกชั้นมีชื่อว่า ประตูโฮโซมง ใหญ่โตกว่าประตูชั้นแรกอีกค่ะ และจุดเด่นที่พลาดไม่ได้ก็โคมแดงอันใหญ่ยักษ์นี่เลย สวยมากๆ

Asakusa_007

แอบมาส่องด้านฐานโคม โอ้โห สวยยิ่งกว่า สลักลวดลายมังกร ดูขลังมากๆ

Asakusa_020

ถ้าอยากได้ภาพฉายเดี่ยวแบบนี้ เพื่อนๆต้องมาตอนเช้า หรือก็กลางคืนนะคะ คนน้อยทางสะดวก

Asakusa_008

เข้ามาด้านในจะเจอกับ

  • เจดีย์ห้าชั้น
  • จุดเซียมซี
  • จุดจำหน่ายเครื่องราง
  • จุดสำหรับตักน้ำชำระร่างกาย
  • จุดกระถางธูป
  • อาคารหลักที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม

ซึ่งแต่ละจุดคนเยอะมาก อย่างอาคารหลักหากมาช่วงบ่าย ก็ต้องต่อแถวกันยาวเลยทีเดียว

Asakusa_009

Asakusa_010

Asakusa_012

Asakusa_017

ภาพในอาคารค่ะ เรามาในช่วงเช้าอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องรอต่อแถวก็สามารถเข้ามาชมและกราบไหว้ได้เลยซึ่งเราก็ถือโอกาสนี้ ลองเสี่ยงเซียมซีด้วยค่ะ

Asakusa_018

ยืนงงกับการแปลใบเซียมซี 55555

Asakusa_019

บรรยากาศประมาณ 7 โมงเช้าที่วัดเซนโซจิ

Asakusa_013

ภายในวัดมีที่นั่งใต้ต้นไม้ร่มรื่น

Asakusa_014

อีกด้านของวัดตรงนี้ก็จะเป็นถนน นากามิเซะ เป็นอีกจุดที่มีร้านค้า ร้านอาหารให้เดินเล่นกันค่ะ ถนน นากามิเซะ มีหลายแยกมากๆ โดยจะตั้งอยู่รอบบริเวณวัดเซนโซจิเลย หากใครมีโอกาสมาเที่ยววัดก็สามารถแวะมาเดินเล่นช็อปปิ้ง ถ่ายรูปเก๋ๆ บริเวณนี้ได้อีกด้วย

Asakusa_015
Asakusa_016

นอกจากนี้ยังมีสถานที่อันสวยงามของเมืองอาซากุสะให้เดินเล่นเยี่ยมชมอีกมากมาย ถือเป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์มากๆเลย จะตอนเช้าก็คึกคัก ตอนค่ำก็เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป อาจจะไม่ค่อยวัยรุ่นมากนัก แต่ถ้าใครมาพักผ่อนก็ขอแนะนำเมืองอาซากุสะนี้เลย

Asakusa_021

อาซุมะบาชิ (Azumabashi Bridge) สะพานที่เป็นจุดข้ามแม่น้ำสุมิดะ มีสีแดงโดดเด่นสวยงาม มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่เรื่อยๆ ใกล้ๆกันจะเป็นท่าเรือ โตเกียวครูซ (Tokyo cruise) ที่มีบริการล่องเรือชมวิวจากอาซากุสะไปยังโอไดบะ ใครสนใจลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้นะที่ > SUJI BUS

Asakusa_022

ส่วนสะพานนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเช่นกันค่ะ เห็นได้ตลอดทางเป็นสะพานสำหรับรถยนต์ที่ข้ามแม่น้ำสุมิดะนั่นเอง

Asakusa_023

ตึกดองกี้อยู่ใกล้ๆกับบริเวณวัดเซนโซจิ สาขานี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใครไม่หลับไม่นอนแวะมาช็อปปิ้งกันได้ค่ะ ส่วนเราผ่านมาถ่ายรูปเฉยๆ พึ่งมาถึงวันแรกยังไม่พร้อมจะช็อป 555555

Asakusa_026

ปิดท้ายด้วยสวนสาธารณะที่เป็นแนวยาวไปกับแม่น้ำสุมิดะ มีชื่อว่า สวนสาธารณะสุมิดะ เราถ่ายจากฝั่งที่เป็นท่าเรือ ยามค่ำคืนก็มีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย และมานั่งพักผ่อนย่อนใจริมแม่น้ำ ส่วนเรามานั่งกินข้าวกล่องตรงนี้ อื้อฮืออเป็นบรรยากาศที่ดีสุดๆ


2.ชิบุยะ (Shibuya, 渋谷)
  • แหล่งช็อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอหาร
  • ห้าแยกชิบุย่าถ่ายรูปก็สวย ถ่ายวีดีโอก็เท่
  • ห้าทุ่มกว่าก็ยังคึกคัก

Shibuya_007

ย่านชิบุย่า เรานั่งรถไฟใต้ดินสาย Ginza (G19) ยาวมาลง Shibuya (G01) เป็นปลายสายยันต้นสายเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มาถึงสี่ทุ่มกว่าๆ มีเวลาเดินเล่นประมาณ 1 ชั่วโมงเพราะรถไฟรอบสุดท้ายหมดเที่ยงคืน แล้วเรามาที่นี่ทำไม?

Shibuya_003

Shibuya_001

ก็มาเพราะมันเป็นที่เที่ยวมหาชนนั่นแหละ และมุมยอดฮิตพลาดไม่ได้!! นั่นก็คือ ห้าแยกชิบุย่า !!! กว่าจะได้รูปเท่ๆ (นี่เท่แล้ว) อิอิ ก็นั่นแหละค่า เดินหลายรอบมาก เราควรเตรียมท่าโพสต์และอุปกรณ์ถ่ายไว้ให้พร้อม เพราะเขาข้ามกันจริงจัง ถ้าเดินๆหยุดๆ จะไปเกะกะเอาได้ มีเวลาข้ามไม่มาก ถ้ายังไม่ได้ภาพที่ต้องการก็รอไฟแดงแล้วเดินข้ามไปข้ามใหม่นะคะแป๊ปเดียว

Shibuya_004

Shibuya_005 Shibuya_006  Shibuya_008

ย่านนี้คึกคักมาก เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ใหญ่เลยทีเดียว มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และตลอดทางก็จะเห็นนักแสดงเปิดหมวก แสดงโชว์ต่างๆ  มีนักร้องเปิดหมวกเล่นดนตรีสนุกสนาน เป็นสีสันยามกลางคืนของย่านนี้เลย คึกคักจริงๆ


3.ฮะระจุกุ (Harajuku, 原宿)
  • เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ดี แฟชั่นดี น่ารักกก มีร้านดังแบรนด์เนมเยอะ
  • ร้านของหวาน ของกินเล่น น่ากินมาก เช่น เครปเย็น
  • วัดเมจิ ร่มรื่นเหมือนไม่ได้อยู่ในเมือง หนีความวุ่นวายได้ดี

Harajuku_001

พูดถึงฮะระจุกุ ภาพก่อนมาก็นึกถึงความแบ๊วๆฟุ้งฟิ้งสีชมพูเต็มไปหมด แต่มันใช่ที่ไหนกันหละ 55555 จริงๆย่านนี้ก็มีทั้งความแฟชั่นและความดั้งเดิมผสมๆกันอยู่ ซึ่งสถานที่แรกที่เราไปนั่นก็คือ ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าชื่อดังเลยนะคะ ต้องมาๆ

Harajuku_002

เรานั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานีฮะระจุกุ และเดินตาม GPS เดินไม่ไกลมากซึ่งระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกทางอยู่ ไม่ต้องกลัวหลงเลย มาถึงจะเห็นทางเข้าเป็นซุ้มประตูใหญ่โตเป็นเอกลักษณ์ เสาประตูแบบนี้เขาเรียกกันว่า โทริอิ (Torii) เราต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 10 นาที ถึงจะเจอกับอาคารหลักของศาลเจ้านะคะ

Harajuku_003

เดินยาวไปๆ ท่ามกลางฝนตก บรรยากาศร่มรื่นมากๆ เดินเข้ามายิ่งลึกเท่าไหร่ เหมือนได้หลุดออกจากโลกอันวุ่นวายไปเลย

Harajuku_004

เดินมาสักพักก็มาพบกับจุดที่ถ่ายรูปกันค่ะ ถ่ายรูปออกมาอย่างอาร์ต เพราะฉากหลังเป็นการนำถังสาเกที่มีลวดลายแตกต่างกัน มาเรียงกันยาวเป็นกำแพงใหญ่สวยงาม

Harajuku_005

เจอกับเสา Torii อีกอันแล้วค่ะ ถ้าเห็นเสานี้ เดินเข้าไปด้านในก็จะเจอกับตัวอาคารหลักค่ะ

Harajuku_006

ก่อนเข้ามาด้านในทางด้านซ้ายเป็นซุ้ม Temizuya เป็นจุดสำหรับชำระกาย (ล้างมือ,ล้างปาก) เป็นธรรมเนียมของคนญี่ปุ่นก่อนเข้าไปยังวัดหรือศาลเจ้า

Harajuku_007

และสิ่งที่ทุกคนนิยมทำกันในการมาศาลเจ้าเมจิ ก็คือการเขียนคำอวยพรลงใน อิมะ (Ema) แผ่นไม้เล็กๆ ซื้อได้ในราคา 500 เยน มีโต๊ะและปากกาให้เรายืนเขียนพร้อม เมื่อเราเขียนคำอธิษฐานลงไปบนแผ่นไม้เสร็จก็เอามาแขวนไว้ที่จุดนี้ได้เลยค่ะ

Harajuku_008

ก่อนเดินกลับเราเจอคู่บ่าวสาวกับชุดแต่งงานแบบนิกายซินโต งานแต่งแบบดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น ที่ศาลเจ้าเมจิ สามารถประกอบพิธีแต่งงานได้ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากๆเลย วันที่เราไปเห็น ดูเหมือนพวกเขาจะมาถ่ายภาพเพียงเท่านั้น แต่แค่ได้เห็นของจริงก็สุดยอดแล้ว งดงามเป็นเอกลักษณ์จริงๆ

Harajuku_010Harajuku_009

ออกจากวัดมาจะเดินหาอะไรกินตามตรอกซอกซอย แต่ไม่มีร้านนั่งที่ถูกใจนัก ได้แวะร้านเล็กๆกินทาโกยากิรองท้องก่อน ระหว่างทางก็ได้เห็นอะไรที่แบบอาร์ตๆ ดิบๆดีค่ะ

Harajuku_011

แม้ฝนตกเราก็ยังคงหาร้านอาหารต่อไป จนเดินมาเจอถนนสายช้อปปิ้ง ทาเคชิตะ (Takeshita) บริเวณนี้ร้านค้าเยอะมาก ของกินน่ากินเยอะมาก เสื้อผ้าก็น่ารัก นี่แหละฮะระจุกุที่คิดไว้ในหัว 55555 แต่ก็อย่างที่เห็น เราต้องเดินกางร่มเที่ยว ร่มชนกันไปมาบ้าง และฝนก็เริ่มตกหนัก ทำให้ไม่สะดวกเข้าได้ทุกร้าน ได้เพียงเดินผ่านแล้วจากไป TT

Harajuku_013

Harajuku_012

แต่พอเราเดินจนสุดทาง ก็มาพบก็แหล่งช็อปปิ้งอีก บริเวรนี้มีร้านค้าแบรนด์เนมดังๆเพียบ มีห้างอย่าง Tokyo Plaza อยู่บริเวนสี่แยก เจริญหูเจริญตามากแต่เราก็ไม่ได้แวะเข้าไปดูเลย ด้วยความหิวจึงได้เปิดหาร้านก่อน และได้ไปเจอร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง

Harajuku_014

ร้านเล็กๆแต่คนไม่น้อยเลย ต้องต่อแถว รอเข้าคิวรอด้วยนะ ร้านนี้มีชื่อว่า TENDON TENYA  อาหารส่วนใหญ่จะเป็นเทมปุระค่ะ รสชาติดีเลย มีหลากหลายเมนู ราคาไม่แพง ได้เยอะด้วย กินอิ่มมาก มีแรงไปเดินเที่ยวต่อแน่นอน อิอิ


4. ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Shijō, 築地市場)
  • ร้านอาหารเยอะมากๆ
  • ราคาอาหารไม่แพง รสชาติได้ คุณภาพได้
  • คนเยอะตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนบ่ายตลาดวาย

“ตลาดปลาสึกิจิ” เรามาเที่ยวเป็นวันสุดท้ายของการมาเที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากต้องเช็ควันเปิด-ปิดของตลาด และโชคดีที่ยังพอมีเวลาเลยได้แวะมาชมสะหน่อยก่อนที่ ตลาดประมูลปลา ที่นี่จะย้ายไปที่ตลาดปลาโทโยสุ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกย้ายแล้วเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018 ที่ผ่านมา

แต่เราก็ไม่ได้มาเดินตลาดประมูลปลาหรอกค่ะ 5555 บริเวรนี้ยังมีร้านค้าร้านอาหารอีกมากมาย ของดี ราคาไม่แพง มาหาของกินที่ตลาดปลาสึกิจิกันค่า

Tsukiji_001

เราเดินทางโดยนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Tsukiji ได้เลยค่ะ ออกจากสถานีเดินตามป้ายบอกทางที่เขียนว่า Tsukiji Market เดินมาประมาณ 150 เมตรก็ถึงที่หมาย

Tsukiji_003

ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร มีทั้งของคาว ของหวาน ของกินเล่น เยอะมากๆ แต่ถ้าใครจะมาเดินแนะนำมากันเช้าๆเลยนะคะ เรามาช่วงบ่าย ตลาดจะวายแล้วค่ะ

Tsukiji_004

เครื่องถ้วย จานก็มี

Tsukiji_005

Tsukiji_012

มีร้านอาหารและของกินเล่น ตลอดทาง

Tsukiji_006

และเราก็ได้มาแวะร้านหนึ่ง เป็นมื้อที่แพงสุดในทริปแล้วค่ะ คือระหว่างทางเดินมามีร้านเยอะมาก เลือกไม่ถูก เรามาร้านอะไรก็ไม่แน่ใจชื่อร้านจริงๆค่ะ (ต้องขออภัย ฮรืออ) ทุกร้านจะแข่งขันเรียกลูกค้าพอสมควร เราด้อมๆมองๆอยู่หน้าร้าน สักพักก็มีพี่ผู้หญิงออกมาต้อนรับยิ้มแย้ม ประทับใจก็เดินเข้ามาเลยค่ะ

Tsukiji_007

เมนูที่สั่งก็เบสิคมาก ข้าวหน้าปลาแซลม่อน กับ ข้าวหน้าปลาไหล พร้อมชาเขียวร้อนเข้มๆ อาหารสดจริงๆค่ะ เมนูไม่แปลกแต่ความรู้สึกที่กินที่ประเทศญี่ปุ่นกับกินที่บ้านเรามันต่างกันนะ 555555

Tsukiji_008

ร้านเป็นเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ กินไปมองหน้าเชฟไป ต้องอร่อยแล้วหละ

Tsukiji_009

กินอิ่มแล้วก็มีแรงเดินต่อ ตามตรอกซอยเล็กๆก็มีร้านค้ามากมายเลย

Tsukiji_013

ร้านอะไรหว่า..เดินผ่านมา เลยถ่ายราคามาให้ดูค่ะ อาหารก็จะราคาประมาณนี้ เดินเข้าร้านที่มีป้ายราคาบอกตั้งแต่หน้าร้านก็จะดี เราจะได้รู้คร่าวๆ ว่ามื้อนี้จะจ่ายเท่าไรดีน้า อย่างเช่นเนื้อย่างร้านนี้

Tsukiji_015

Tsukiji_010

แพ้ทางเนื้อค่า เห็นเนื้อวากิวย่างขายไม้ละ 1000 – 2000 เยน เกิดมาไม่เคยกินเลยจ้า เนื้อวากิวเป็นยังไง ก็จัดมาลองสะหน่อย 2 ไม้

Tsukiji_011

นุ่มละมุนลิ้น..ไม่พูดเยอะค่ะ 55555

Tsukiji_014

ร้านค้าเริ่มปิดกันแล้ว ทุกคนขนของกันใหญ่ เป็นวันที่อยู่โตเกียวแล้วไม่เจอฝน และแดดกำลังดีเป็นวันปิดท้ายของการมาเยือนญี่ปุ่นที่สมบูรณ์แบบ

ยังไม่จบน้า เรายังมีที่เที่ยวรอบๆโตเกียวมาฝาก ติดตามต่อได้เลย

คามาคุระ (Kamakura, 鎌倉)

  • เดินทางสะดวก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
  • ไปเช้าเย็นกลับได้ เที่ยว 1 วันได้
  • สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ คนเยอะ คึกคัก

kamakura_001

ถ้าจะเที่ยวเช้าไปกลับ ที่ฮิตๆก็เมืองนี้เลย คามาคุระ” เรานั่งรถไฟสาย Ginza (G19) ลงสถานี Shimbashi (G08) นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka Line ไปยังสถานีคามาคุระ ราคา 800เยน/เที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง มาที่นี่เราวางแผนเที่ยวมากมายแต่หน้างานเราได้ 3 ที่นั่นก็คือ

  1. ถนนโคมะชิ โดริ (Kamakura Komachi Dori Shopping Area)
  2. ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมัง(Tsuruoka Hachimangu Shrine)
  3. วัดโคโตะกุ (Kōtoku-in)

kamakura_002

รอรถไฟค่ะ เดินลงมาใต้ดิน เห็นแล้วดูเก่าและน่ากลัวๆหน่อยค่ะ

kamakura_003

แต่พอขึ้นมาแล้ว รถไฟสวย สะอาด คนไม่เยอะมาก เลือกหาที่นั่งตามอัธยาศัย

kamakura_004

kamakura_005

ถึงแล้วค่าา บรรยากาศนี้เหมือนในการ์ตูนอานิเมะเลย ยืนรอพระเอกที่สถานีรถไฟงี้ 5555

kamakura_006

เมื่ออกมาจากสถานีคามาคุระ ซ้ายมือของเราจะเจอกับซุ้มประตูทางเข้า “ถนนโคมะชิ โดริ” ตรงนี้จะเป็นเหมือนถนนคนเดินสองข้างทางจะเป็นร้านค้า ของซื้อของฝาก ร้านขนม ร้านอาหาร

kamakura_007kamakura_008

kamakura_009

kamakura_022

ฝนตกทั้งวันนะคะ ตกๆหยุดๆ แต่ทุกคนมีร่มเตรียมพร้อมกันมากๆ

kamakura_023

ส่วนคนไม่มีร่มก็ต้องหลบๆฝนกันไป เนอะเจ้าแมว 5555 แต่สุดท้ายก็ต้องยอมซื้อร่มตรงถนนคนเดิน ร่มใส ราคา 300 เยน เป็นขนาดเล็กสุด ความแข็งแรงปานกลาง ซึ่งก็พังพอดีจบทริป

kamakura_010

เดินจนสุดทางประมาณ 700 เมตรเราก็จะเจอ “ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมัง” เป็นวัดเก่าแก่ของ คามาคุระ ถูกสร้างมาเกือบ 1,000 ปีแล้วค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามีวัดนะคะ แต่เดินมาแล้วเห็นคนเยอะ ต้องมีสถานที่เที่ยวแน่เลย และก็มีเสียงดนตรีดัง ครึกครื้น ดูเหมือนกำลังจะมีงานหรือพิธีสำคัญค่ะ

kamakura_011

เมื่อเข้ามาบริเวณด้านหน้าค่ะ ต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 300 เมตรถึงจะถึงตัวศาลเจ้า ทางเดินก่อนถึงศาลเจ้าจะมีซุ้มร้านค้าอยู่ 2-3 ร้าน ขายเนื้อย่างด้วยค่ะ

kamakura_012

บริเวรด้านล่างที่กำลังจะมีพิธีสำคัญ ทุกคนกำลังรอกันเลย

kamakura_013

มีลังสาเกตั้งเรียงกันเหมือนที่เคยเห็นที่ศาลเจ้าเมจิ เท่มากๆ อันนี้เราชอบๆ

kamakura_014

ลืมบอกเลยค่ะ ที่นี่ไม่เสียค่าเข้านะ เดินได้รอบเลย บันไดนี้เป็นทางขึ้นไปยังศาลเจ้า ทางไม่ชันมาก เด็กเดินได้ผู้ใหญ่เดินดี  คนแก่ชาวญี่ปุ่นเดินกันแข็งแรงเลย

kamakura_015

ขึ้นมาด้านบนมีร้านขายเครื่องรางด้วย

kamakura_016

มีแผ่นไม้ให้เขียนคำอธิษฐาน  ^^

kamakura_017

หากใครเสี่ยงเซียมซีและโชคดีได้ใบที่ดี ให้นำเก็บกลับไปติดตัวไว้นะ เพื่อให้ความโชคดีอยู่กับตัวเรานั่นเอง ส่วนใครที่ได้ไม่ค่อยดี ก็มาทิ้งที่นี่ค่ะ แต่ละวัดก็จะมีที่จัดเตรียมไว้ให้ผูกไว้ที่นี่เลย โชคไม่ดีไม่ต้องนำติดตัวไปนะ อิอิ

kamakura_018

อาคารศาลเจ้าด้านบนค่ะ เรามาถ่ายด้านข้างอาคาร คนน้อยดี

kamakura_019

ใกล้ๆกันมีซุ้มประตูโทริอิสีแดง สวยงามๆ มาถ่ายรูปบริเวรนี้ร่มรื่นมากๆ

kamakura_020

เดินกลับลงมา เห็นอาคารกลางด้านล่างกำลังทำพิธีกันอยู่ค่ะ

kamakura_021

เราเดินเที่ยวถ่ายรูปสักพักก็เดินกลับมาถนนโคมะชิ เพื่อมาหาร้านอาหารค่ะ เจอร้านหนึ่งไม่ทราบชื่อ ดูเป็นร้านดี มีที่นั่งเลยเดินเข้ามา รสชาติใช้ได้ จืดไปหน่อยตามแบบอาหารญี่ปุ่น กินเต็มพลังก่อนค่ะ เพราะเดินกันเยอะมาก ขาเพลี้ย คิดเป็นระยะทางเราเดินร่วมไปกลับเนี่ย 2 กิโลเลยน้า งื้อ

kamakura_024

เดินทางต่อที่สุดท้าย “วัดโคโตะกุ” หรือที่เรารู้จักกัน “พระใหญ่ Daibutsu” จะเดินทางโดยรถเมล์จากหน้าสถานีคามาคุระก็ได้ ขึ้นสาย 2,3,4 แต่วันที่เราไปก็งงๆค่ะ เดินมาถามพนักงานในสถานีคามาคุระ เขาแนะนำให้ซื้อตั๋วรถไฟสาย Enoshima Dentetsu Line สีเขียวๆนี่เอง

kamakura_025

ขึ้นมาผู้คนเยอะมากๆ หน้าเราติดกระจกเลย แต่ก็นั่งไม่กี่สถานีก็ถึงแล้วค่ะ ลงสถานี Hase ค่าโดยสารเสียไป 180 เยนค่ะ

kamakura_026

คนมาลงสถานี Hase กันเยอะ โดยสังเกตส่วนมากก็มาวัดโคโตะกุที่เรากำลังจะไปกันแหละค่ะ

kamakura_027

เมื่อลงจากสถานีแล้ว เดินตามป้ายเลยค่ะอีกประมาณ 450 เมตรก็ถึงแล้ว

kamakura_028

ที่นี่เสียค่าเข้าคนละ 200 เยน เดินเข้ามาก็เจอพระใหญ่เลยค่ะ ใหญ่มากจริงๆ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เราเลยไม่ได้เดินชมอะไรมาก

kamakura_029

ฝนตกหนักแค่ไหนคนก็ยังเยอะนะคะ แต่ถ่ายรูปไม่สวยเท่าไหร่ ฟ้าไม่เปิดเลย เศร้า

kamakura_030

ออกจากวัดมาก็โดดขึ้นรถเมล์กลับไปสถานีคามาคุระเลยค่ะ ค่าโดยสาย 200 เยน รถเมล์ที่ผ่านหน้าวัดจะไปที่สถานีทุกสายนะคะ ขึ้นได้เลยสะดวกมาก

คาวาโกเอะ (Kawagoe, 川越)

  • มีความโบราณ ย้อนยุคดี
  • เดินทางไม่ยาก ใช้เวลาไม่เยอะ
  • ไอติมกินตอนฝนตก อร่อยดีนะ

Kawagoe_008

คาวาโกะเอะ เอ๊ะมาทำไม..มาดูเมืองเก่าที่นี่กันค่ะ ที่นี่มีโกดังเก่าสมัยเอโดะ ทั้งสองฝั่งจะเป็นตึกโบราณ มีร้านค้า และร้านอาหารมากมาย  ถ้าได้เช่าชุดกิโมโนใส่แล้วเดินนี่เข้าสุดๆเลย ตามไปดูการเดินทางกัน

Kawagoe_001

เราเดินทางจากโตเกียวสถานีใต้ดินไอกิเกบุโร นั่งรถไฟสายโทบุโทโจะไล มาลงสถานีคาวาโกเอะ ราคาอยู่ที่ 470 เยน/เที่ยว

Kawagoe_002

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้วจ้า

Kawagoe_003

เมื่อเดินออกจากสถานีมา ฝั่งตรงข้ามจะเห็นป้ายทางเข้า CREA MALL ตรงนี้เป็นแหล่งช็อปปิ้ง เป็นถนนคนเดิน เรามาในช่วงกลางวันแถมฝนตก คนเลยค่อนข้างเงียบ

Kawagoe_004

Kawagoe_006Kawagoe_007

เดินตามทางมาเรื่อยๆ ผ่านบ้านช่องต่างๆ ไม่ต้องตกใจว่าจะหลงนะคะ เดินยาวๆ แล้วจะเห็นกับโกดังเก่าที่หมายของเรานั่นเอง เดินเท้าประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น แต่ถ้าหากใครไม่สะดวกเดิน ก็สามารถนั่งรถเมล์ได้ หรือซื้อเป็นตั๋วเหมารายวัน 300 เยน/วัน ขึ้นกี่รอบก็ได้ค่ะ อ่านเพิ่มเต็มที่ Koedo Bus

Kawagoe_009

Kawagoe_010

ฝนตก ก็กางร่มลุย ร่ม 300เยนใช้คุ้มมากๆ

Kawagoe_011

ภายในย่านโกดังเก่า จะเห็นหอระฆัง Toko no kane เป็นหอระฆังเก่าแก่ที่อยู่คู่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เลย  แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะช่วงที่ไปเขาปิดปรับปรุงค่าาา ฮืออออ

Kawagoe_013

ถ่ายมาได้แต่ภายนอก และฝนตก็ตกหนักมากด้วย

Kawagoe_012

เราได้กินไอติมชอฟเชิฟเพิ่มความสดชื่นด้วย อร่อยสุดๆเลยค่ะ

Kawagoe_014

ส่วนสถานที่เที่ยวอื่นๆก็ในคาวาโกเอะ เช่น ประสาทคาวาโกเอะ (Kawagoe Castle), วัดคิตาอิน (Kita-in Temple), ตรอกขนมคาชิยะ โยโกโช (Kashiya Yokocho) เป็นต้น หากเพื่อนชอบๆความย้อนยุคๆ โบราณเก่าแก่ ต้องมาให้ได้เลยนะคะ

สำหรับที่เที่ยวที่เราไปในญี่ปุ่น แพลนอาจจะคล้ายๆหลายคนที่ไปมา เพราะคิดว่าไปครั้งแรกก็เอาแบบที่คนอื่นเขาไปนั่นแหละ แต่ความพิเศษก็คือระหว่างและเรื่องราวของเราที่ไม่เหมือนใคร ยังไงถ้าชอบก็ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ

หากใครมีคำถามหรือข้อสงสัย ทักมาถามมาคุยกันได้นะ

ถ้าชอบฝากติดตามด้วยนะ มีเรื่อง Update จะได้ไม่พลาดกันนะ
ขอบคุณทุกคนค่าาาา <3

Follow Me :
on Facebook Kalokkokgrace
on YouTube Kalokokgrace
on IG @kalokkokgrace

Categories: Japan

ติดต่อสอบถามข้อมูลกับ กะล็อกก็อกเกรซ ได้นะคะ