การเดินทาง ในโตเกียว/รถไฟไปต่างจังหวัด เที่ยวประเทศญี่ปุ่นในราคาประหยัด

Published by graceiya on

การเดินทาง ในญี่ปุ่น หลายคนคงรู้กันดีแล้วว่า ระบบขนส่งของญี่ปุ่นนั้นสะดวกสบายสุดๆ จะเดินทางไปไหนก็ครอบคลุมและยังตรงต่อเวลามาก (แทบจะเป๊ะๆ) เพราะฉะนั้นถ้าเราวางแผนการเดินทางให้ดี ก็จะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ด้วยนะ

.

การเดินทาง ในทริปนี้จะมีทั้ง Tokyo และรอบๆโตเกียว คือ Nikko/ Kawaguchiko/ Kamakura/ Kawagoe  มีทั้งการเดินทางโดยรถไฟ รถไฟใต้ดิน รถบัส รถเมล์

มาเริ่มต้น การเดินทาง ไปพร้อมๆกันเลยค่า…

1.บินไปญี่ปุ่นราคาประหยัดจากตั๋วโปรโมชั่น

AirasaiX_XJ600_001

เราเลือกสายการบิน AirAsai X สำหรับการเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ไฟท์กรุงเทพฯ-นาริตะ เวลา 23.45 – 8.00น. เวลาดี๊ดี บินไป-กลับ และรวมน้ำหนักกระเป๋าขากลับ อยู่ที่ราคา 9,070 บาท นี่เป็นครั้งแรกกับแอร์เอเชียร์ด้วย ไม่มีดีเลย์ บริการดี อาหารใช้ได้ ที่นั่งแคบไปหน่อย รวมๆแล้วโอเคเลย

AirasaiX_XJ600_002

บินกลางคืนถึงตอนเช้า หลับทั้งคืน แม้ฝนจะตก…ฟ้าจะร้อง ก็ตาม 5555

AirasaiX_XJ600_003

ส่วนตารางเที่ยวบินกลับ นาริตะ-กรุงเทพฯ คือ 9.15-13.45 น. ซึ่งเราเลือกมานอนสนามบินตั้งแต่ช่วงตีสอง บรรยากาศเงียบงัน วังเวงมาก แต่ก็มีคนมานอนกันมากมาย ส่วนใหญ่นอนกันตามเก้าอี้บ้าง พื้นบ้าง มีห้องน้ำ มีปลั๊กไฟอำนวยความสะดวก นอนหลับได้ปลอดภัยพอสมควร

อาหารบนเครื่องบินซื้อมาพร้อมกับโปรโมชั่น น้ำหนักกระเป๋า+อาหารเป็นโปรที่แพ็คคู่กันมา รสชาติแก้หิวได้ รวมๆแล้วก็ประทับใจในสายการบิน ทั้งราคา ทั้งเที่ยวบิน โอเคเลย

.

2.การเดินทาง จากสนามบินนาริตะไปกลับเมืองโตเกียว โดยรถบัสราคาประหยัด

KEISEI_001

หลายคนกำลังครุ่นคิดว่าจะเข้าเมืองยังไงดี ซึ่งไม่ยากเลย

บริเวณ Terminal 2 จะมีเคาร์เตอร์จำหน่ายตั๋วในการเดินทางเข้าโตเกียวอยู่หลายบริษัท มีทั้งรถไฟแบบเร็ว(NEX) แบบธรรมดา หรือรถบัส ซึ่งต่างกันที่ราคาและเส้นทางที่ผ่าน

สำหรับแต่งภาพญี่ปุ่น24

ส่วนเรานั้นเลือกซื้อตั๋วเข้าเมืองโดยรถบัสของ Keisei Main Line รถมีออกทุกๆครึ่งชั่วโมง ราคาเที่ยวละ 1,000 เยน บนรถมี wi-fi ฟรีด้วยนะ ใช้งานได้ดีเลย

รถบัสก็จะจอดอยู่ข้างนอกอาคาร ประตู Terminal2 ไปตามช่องจอดรถที่ระบุไว้ และยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ เขาจะเก็บกระเป๋าให้เราที่ใต้ท้องรถ

KEISEI_002

แล้วก็ขึ้นรถได้เลย รถจะขึ้นทางด่วนและจะติดมากช่วงเข้าโตเกียว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

ป้ายแรกที่จอดก็คือสถานีโตเกียวเลย ไม่แน่ใจว่ามีไปต่อไหมนะ เพราะเราเห็นคนลงกันหมด 5555 ใครไม่ได้รีบก็ลองวิธีนี้เป็นตัวเลือกนะ คุ้มจริงๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์รถบัสได้ที่ > KeiSei Bus

KEISEI_003

ป้ายรถโดยสารที่ลง เมื่อลงจากรถก็รอหยิบกระเป๋าได้เลย

Tokyo Subway_002

จากป้ายรถโดยสารที่เราลงจากรถบัส KeiSei ข้ามถนนมาก็จะเป็นสถานีโตเกียว คนเยอะและวุ่นวายมาก เป็นจุดรวมรถไฟหลายๆสาย มีทั้งรถไฟระหว่างเมือง, รถไฟท้องถิ่น, รถไฟความเร็วสูง (Shinkansen), รถไฟฟ้าใต้ดิน

KEISEI_004

ส่วนขากลับไปสนามบิน เราก็ตัดสินใจนั่งรถบัส Keisei Main Line เหมือนเดิม!! มารอขึ้นรถตรงป้ายรถโดยสารบริเวณสถานีโตเกียวที่เดิมที่ลงตอนขามา เช็คเวลารถมาได้จากตารางเวลาที่ป้าย ตอนเราไปเป็นเวลา 4 ทุ่ม รถที่ไปสนามบินมาตี 1  พอรถมาก็ยืนต่อแถว จะมีเจ้าหน้าที่เก็บตังค์ จ่ายตังค์แล้วก็รับตั๋ว ขึ้นรถ ง่ายๆ

ส่วนใครรีบร้อนขึ้นมาหน่อย ก็สามารถเดินทางโดยรถไฟได้ แต่เพื่อนเราอีกคนที่ให้ลองนั่งรถไฟคือหลงจนคนญี่ปุ่นต้องช่วย เลยไม่มีข้อมูลการเดินทางโดยรถไฟมาฝากเลย!

.

3.รถไฟใต้ดินในโตเกียว Pass เดียวเอาอยู่ !! เดินทางไม่จำกัดเที่ยว

การเดินทางในโตเกียวนั้น เราใช้รถไฟใต้ดินทั้งหมด !! และ Pass ที่ควรค่าแก่การขึ้นรถไฟใต้ดินในโตเกียวนั่นก็คือ Tokyo Subway Pass ซื้อเถอะ ยังไงก็คุ้ม มันเป็น Pass ที่ใช้ได้เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น และเดินทางขึ้นรถไฟใต้ดินในโตเกียวได้ไม่จำกัดรอบในระยะเวลาตามประเภทของบัตร ซึ่งบัตรนี้มี 3 ประเภทคือ 24, 48, 72 ชั่วโมง

Tokyo Subway_001

หาซื้อได้ที่สนามบินเลยง่ายดี เราซื้อพร้อมกับตอนซื้อตั๋วรถบัสเข้าโตเกียว และซื้ออีกครั้ง..ตอนอยู่โตเกียววันสุดท้าย สามารถหาซื้อเพิ่มในตัวเมืองได้ที่ Big Camera พนักงานจะมีขอดู Passport ด้วยนะ ยืนยันว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจริงจริ๊ง

Tokyo Subway_004

รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีใหญ่ๆ คนจะเยอะและแน่น ยิ่งช่วงเช้าๆ นี่อู้วหูว ทั้งแน่นทั้งรีบเลยจ้า หากใครจะเลือกวิธีเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ขอแนะนำให้โหลด Application > Tokyo Subway Navigation  ไว้นะ ใช้งานไม่ยาก มีไว้สะดวกแน่นอน ลงป้ายไม่มีหลง และถึงหลงก็นั่งย้อนไปย้อนมาได้ 555555 ไม่เสียตัง บุฟเฟ่สุดๆ 555555

Tokyo Subway_005

หน้าตา App ก็เป็นแบบนี้ ใส่จุดหมายปลายทาง แล้วจะทำให้เราเห็นชัดขึ้นว่าขึ้นสถานีหมายเลขอะไร ลงหมายเลขอะไร รับรองได้ไม่มีหลง จะเที่ยวไหนก็ไปถึงได้หมดด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน

Tokyo Subway_003

  • สถานีโตเกียวเป็นสถานีที่ใหญ่มาก!! เป็นจุดรวมรถไฟหลายๆสาย มีทั้งรถไฟระหว่างเมือง, รถไฟท้องถิ่น, รถไฟความเร็วสูง (Shinkansen), รถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจะต้องเดินแยกออกมาจากตัวอาคาร แล้วเดินลงมาข้างล่างอีกที

Asakusa_001

  • สถานีอาซากุสะ (Asakusa Station)

Harajuku_001

  • สถานีฮะระจูกุ (Harajuku Station)

Shibuya_003

  • สถานีชิบุย่า (Shibuya Station)

.

4.เที่ยวนิกโก้ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

นิกโก้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดโทจิงิ ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากโตเกียว เราเดินทางโดยรถไฟสาย Tobu โดยซื้อตั๋ว NIKKO PASS All Area ตั๋วนี้สามารถใช้ขึ้นรถไฟไป-กลับนิกโก้-อาซากุสะและใช้ขึ้นรถบัสประจำทางได้ทุกที่ไม่จำกัดเที่ยวในเมืองนิกโก้

เที่ยวนิกโก้

ตั๋ว NIKKO PASS All Area ราคา 4,520 เยน (ใช้ได้ 4 วัน) ราคานี้รวมถึงการนั่งรถไฟไป-กลับNikkoจากสถานี Asakusa และรวมการเดินทางขึ้นรถบัสประจำทางที่ Nikko ฟรีไม่จำกัดรอบไม่จำกัดเที่ยว ขึ้นรถไปยื่นบัตรให้คนขับดูได้เลย

เที่ยว Nikko

สามารถซื้อตั๋วได้ที่จุดขายตั๋วที่Asakusa มีพนักงานคนไทยด้วย เขาแนะนำดีมาก มีตารางรถไฟให้ดู มีรอบให้ดู เพราะการนั่งรถไฟไปนิกโก้บางรอบนั้นต้องมีการลงและย้ายขบวน ขึ้นลงต้องดูป้ายให้ดีๆเลย

สำหรับใครที่มีแพลนไปเที่ยว Nikko ที่นี่สามารถไปเช้าเย็นกลับได้นะ แต่แนะนำให้อยู่สักคืนนึง จะเที่ยวได้ครบเพราะมันสวยมากกกกก

.

วิธีการเดินทางไป Nikko

สถานี Asakusa จุดขึ้นรถไฟสาย Tobu ไป Nikko

Nikko_003

เราซื้อตั๋วNIKKO PASS All Areaจากสถานี Asakusa เพราะพักย่านนี้นั่นเอง สามารถซื้อตั๋ววันไหนก็ได้ก่อนเดินทาง พนักงานจะเอาตารางรถไฟให้ดู รถไฟแต่ละขบวนต่อไม่เหมือนกัน แต่ต่อรถไฟไม่ยากเลย บางสถานีก็ลงปุ้ปต่อคันตรงข้ามได้เลย แนะนำก่อนขึ้นถามเจ้าหน้าที่ จะมีเจ้าหน้าที่คอยยืนดูแล

วันเดินทาง ก็มาขึ้นรถไฟที่สถานีAsakusa เดินเข้าไปยื่นPassให้พนักงาน พนักงานจะปั้มตราสีแดงลงบนPass แล้วก็เดินเข้าสถานีไปรอรถไฟได้เลย

Nikko_008

ใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงก็ถึง Nikko กันแล้ว

เที่ยวนิกโก้จะมีอีกPass ที่เราไม่ได้ใช้ มีชื่อว่า NIKKO PASS world heritage area ใช้ได้ 2 วัน สามารถเลือกPassให้เหมาะกับแพลนเที่ยวของตัวเองได้

ดูข้อมูลรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่TOBU FOREIGN PASS
อ่านรีวิวเที่ยวนิกโก้ได้ที่ : เที่ยวนิกโก้ 2 วัน 1 คืน ครบทั้งโซนมรดกโลกและน้ำตก

.

5.ไปดูฟูจิที่คาวากูจิโกะด้วยรถบัสแสนถูก

Fuji_023

รถบัสที่เราจะนั่งไปคาวากูจิโกะนี้เขามีชื่อเรียกว่า Highway Bus จะจองออนไลน์ก็ได้หรือ Walk in ซื้อตั๋วที่เคาท์เตอร์ก็ได้ ซึ่งเราเลือกจองผ่านออนไลน์ทางเว็บไซต์ > Highway Bus (จองล่วงหน้าได้ 30 วัน) เพื่อความมั่นใจได้รอบที่ต้องการเลยจองไปก่อน ราคา 1,750เยน/เที่ยว จองแล้วตัดยอดบัตรเลย ถือเป็นการเสร็จสมบูรณ์

จุดที่เราขึ้นรถคือสถานีรถบัสด่วนพิเศษชินจูกุ อยู่บนชั้น 4 ขึ้นลิฟท์มาอาจจะงงๆ แต่ถ้าจองออนไลน์มา ก็ให้เอาหมายเลขเที่ยวรถไปดูบนจอว่ารถจอดที่ชานชาลาไหน และก็ไปที่รถยื่นหลักฐานที่ได้รับทางการจองออนไลน์และขึ้นบัสได้เลย

รถบัสจะไปจอดถึงหน้าสถานีใหญ่ Kawaguchiko แล้วสามารถต่อรถเมล์ถึงที่พักแต่ละคนได้เลยค่ะ

Fuji_002

รอรถเมล์ที่หน้าสถานีคาวากูจิโกะ มีทั้งหมด 4 สาย น้ำเงิน,แดง,เขียว,เหลือง

Fuji_003

ถ้าไม่รู้ว่าต้องขึ้นสายไหนมาดูแผนที่ได้ค่ะ เรานั่งรถเมล์สายสีแดงลงหมายเลข 5 ไปที่พัก ราคา 180 เยน

https://flic.kr/p/2dVEDmw

    เรามาเที่ยวและพักที่ Kawaguchiko 1 คืนค่ะ ขากลับเราอยากเลื่อนเวลากลับให้เร็วขึ้นจากที่เราจองออนไลน์ไว้ จึงต้องไปแจ้งเปลี่ยนรอบที่ออฟฟิศซื้อตั๋วในสถานี Kawaguchiko ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ออกตั๋วใหม่ให้ได้เลย

    ได้มาพักผ่อนที่หนึ่งแม้เป็นเพียงเวลาสั้นๆ ก็อิ่มเอมแล้วค่ะ ได้มาเห็นภูเขาไฟฟูจิ เดินเล่นชมวิว สุดยอดจริงๆ

    ปล. เนื่องจากกลับรอบเช้าสุด รถเมล์ยังไม่วิ่งด้วยสิ หึหึ จึงตัดสินใจเดินประมาณครึ่งชั่วโมงจากที่พัก ก็ประหยัดไปได้ 180 เยน และขึ้นรถบัสได้ทันเวลา

    .

    อ่านรีวิวเที่ยวคาวากูจิโกะได้ที่ : นั่งรถบัสไป คาวากูจิโกะ พักผ่อนชิวๆ นอนชมวิวภูเขาไฟฟูจิ

    .

    รอบโตเกียวเช้าไป-เย็นกลับ

    แพลนแถมๆๆสำหรับใครอยากเที่ยวรอบๆโตเกียวแบบ ไป-กลับ อันนี้ก็อยู่ที่ว่าใครจะไปที่ไหน ถ้าเดินทางถูกและสะดวกสุดก็คงเป็นรถไฟ บางที่เรามีเวลาเที่ยวไม่เยอะ การใช้ Pass เที่ยวในเมืองนั้นๆอาจไม่คุ้ม ก็เลือกเฉพาะที่เราจะไปดีกว่า

    1.Kamakura

    ใช้ Tokyo Subway Pass ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานี Shimbashi เพื่อต่อรถไฟ JR Yokosuka Line ไปลงสถานี Kamakura โดยเสียไป 800 เยน เท่านั้น

    ป้ายรถเมล์บริเวณด้านหน้าสถานี Kamakura

    kamakura_024

    Kamakura>วัดพระใหญ่ไดบุทสึ

    นั่งรถไฟสาย Enoshima Dentetsu Line จากสถานี Kamakura เสียค่ารถไฟ 180 เยน/เที่ยว ลงสถานี Hase และเดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร เพื่อไปยัง วัดพระใหญ่ไดบุทสึ (Kotokuin Temple)

    kamakura_028

    วัดพระใหญ่ไดบุทสึ (Kotokuin Temple) เสียค่าเข้า 200เยน/คน ไปในวันที่ฝนตกก็จะครึ้มๆหน่อย

    kamakura_030

    จาก วัดพระใหญ่ไดบุทสึ (Kotokuin Temple)  ด้านหน้ามีป้ายรถเมล์ ทุกคันที่ผ่านนี่คือไปสถานี Kamakura เสียค่ารถเมล์ 200 เยน/คน

    ส่วนขากลับจากคามาคุระมาโตเกียวเราแวะ Yokohama กะว่าจะไปกินข้าวชมเมืองสักหน่อย แต่ฝนตกและมืดแล้วเลยได้แค่แวะแล้วก็รีบกลับ ค่าโดยสายรถไฟ JR Yokosuka Line ราคา 340 เยน และขากลับจากโยโกฮามาไปโตเกียวอีก 470 เยน

    2. Kawagoe

    ใช้ Tokyo Subway Pass ขึ้นรถไฟใต้ดินลงสถานี Ikebukuro และต่อรถไฟ Tobu-Tojo Line ไปลงสถานี Kawagoe ค่าโดยสาร 470เยน/เที่ยว

    Kawagoe_002Kawagoe_009

    มาดูเมืองเก่าที่นี่ค่ะ ขาไปเราเดินจากสถานีKawagoeไปค่ะ ส่วนขากลับเราโดยสารรถเมล์ ค่าโดยสาร180เยน

    แต่ถ้าหากใครมีเวลาเที่ยวเยอะแนะนำให้นั่งรถ Koedo Loop Bus รถโดยสารที่ให้บริการนำเที่ยวรอบเมืองเลย มีราคาเหมาทั้งวัน 300,500เยน/คน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Koedo Loop Bus

    อ่านรีวิวเที่ยวเมืองรอบๆโตเกียวได้ที่เที่ยวโตเกียวและเมืองรอบๆ พายุเข้าทั้งวัน จะเป็นยังไง?

    .


    .

    สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง

    เที่ยวที่นี่เราเดินจริงจัง เดินเยอะมาก แต่ถึงยังไงการเดินทางที่นี่ก็สะดวกมากๆ ใครมีงบเยอะหน่อยก็นั่งรถเยอะหน่อยเร็วขึ้นอีกหน่อยก็ได้ ถึงเร็วกว่าซื้อเวลาได้เยอะ แต่ถ้าใครงบจำกัด จะเดินชมเมืองเยอะหน่อย ถึงช้าหน่อยก็ไม่ได้แย่เลย และยังประหยัดค่าใช้จ่ายจำเป็นนี้เอาไว้กินหรือช็อปปิ้งแทนได้ด้วย

    • ค่าเครื่องบิน Air Asia X 9,070 บาท
    • ค่ารถบัสไป-กลับโตเกียว 1000×2 =  2000 เยน
    • ค่าบัตร Tokyo Subway Pass 72hrs 1500 เยน
    • ค่าบัตร Tokyo Subway Pass 24hrs 800 เยน
    • ค่า NIKKO PASS All Area ราคา 4,520 เยน
    • ค่ารถบัสไป Kawaguchiko ไป-กลับ 1,750 x 2 = 3,500 เยน
    • ค่ารถเมล์จากสถานี Kawaguchiko ไปที่พัก 180 เยน
    • ค่ารถไฟไป Kamakura 800 เยน
    • ค่ารถเมล์ไป-กลับ วัดพระใหญ่คามาคุระ 180 + 200 = 380 เยน
    • ค่ารถไฟไปโยโกฮาม่า 370 เยน
    • ค่ารถไฟจากโยโกฮาม่ากลับโตเกียว 470 เยน
    • ค่ารถไฟไป-กลับเมือง Kawagoe 470 x 2 = 940 เยน

    รวมค่าเดินทางในญี่ปุ่น 15,460 เยน หาร 3 (เรตที่แลกมา 30) = 5,153 บาท

    5,153(ค่าเดินทางในญี่ปุ่น) + 9,070(ค่าบินมาญี่ปุ่น) = 14,223 บาท

    ถ้าชอบฝากติดตามด้วยนะ มีเรื่อง Update จะได้ไม่พลาดกันนะ
    ขอบคุณทุกคนค่าาาา <3

    Follow Me :
    on Facebook Kalokkokgrace
    on YouTube Kalokokgrace
    on IG @kalokkokgrace

    .

    Categories: Japan

    ติดต่อสอบถามข้อมูลกับ กะล็อกก็อกเกรซ ได้นะคะ