เที่ยวโตเกียวและเมืองรอบๆ พายุเข้าทั้งวัน จะเป็นยังไง?
กางร่ม..เที่ยวโตเกียว พายุเข้าก็เที่ยวได้ ชุ่มฉ่ำสุดๆไปเลย
อยู่โตเกียว เที่ยวไหนดี บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดในการจัดทริปเลย เพราะเที่ยวครั้งแรก จะไปที่ไหนก็น่าตื่นเต้นทั้งนั้น เราจึงดูที่เที่ยวยอดฮิตและมุมมหาชน ลิสรายชื่อมาและไปให้รู้เลยว่าของจริงเป็นยังไง
เราอยู่ เที่ยวโตเกียว 3 คืน 4 วัน และไปเที่ยวได้แบบเช้าเย็นกลับที่เมือง คามาคุระ จังหวัดคานากาว่า และ คาวาโกะเอะ จังหวัดไซตามะ ซึ่งจากที่ได้ไปเที่ยวมาแล้ว ก็มีความประทับใจแตกต่างกันไป มาดูกันว่าที่เที่ยวฮิตๆที่ถูกลิสมา จะมีอะไรน่าสนใจบ้างตามมาดูกันเลย
โตเกียว (Tokyo,東京)
การเดินทางจากสนามบินนาริตะเข้ามาโตเกียวมีหลากหลายวิธี เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นของเราที่เคยเขียนไว้ได้ที่นี่ คลิกเลย!
1. อะซะกุซะ (Asakusa, 浅草)
- ที่พัก/ร้านอาหาร ราคาไม่แพง
- มีสถานที่เที่ยวต่างๆอยู่ไม่ไกลกัน เดินเท้าได้
- กลางวันครึกครื้น นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและต่างชาติเยอะ
- กลางคืนเงียบสงบ เหมาะแกะการพักผ่อน
ย่านอาซากะสะเป็นเมืองที่เลือกไว้สำหรับพักในโตเกียวทั้งหมด 3 คืน เมื่อมาถึงวันแรกก็หมดแรงกับการเดินทางเลยค่ะ เดินวนหาที่พักอยู่นานด้วยความที่เป็นมือใหม่ 55555 ยัง งงๆ กับการดูป้ายสำหรับขึ้นรถไฟ ทำให้หลงไปบ้าง แต่พอได้หลงก็ทำให้เข้าใจ และรู้เลยว่าการขึ้นรถไฟใต้ดินที่นี่ง่ายและสะดวกมาก
รถไฟใต้ดิน วิธีสังเกตสายให้ดูที่สีค่ะ อย่างเช่นสาย Ginza จะเป็นสีเหลือง ^^
มาถึงแล้ว อาซากุสะ เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ลงป้ายหมายเลข (G19) เราขึ้นมาทางออกหมายเลข 4 (ใกล้ที่พัก) สถานที่เที่ยวแรกก็คือ วัดเซนโซจิ หรือที่รู้จักกันว่าวัดอาซากุสะนั่นเอง สามารถเดินเท้ามาได้เลยไม่ถึง 5 นาที เมื่อมาถึงก็จะเจอกับประตูทางเข้าชั้นแรก ประตูคามินาริมง คนเยอะมากๆ
ก่อนเข้าไปถึงศาลเจ้าด้านใน ตรงนี้มีชื่อเรียกว่า ถนนนากามิเซะ จะมีซุ้มร้านค้าตั้งเรียงยาวตลอดทางประมาณ 250 เมตร มีทั้งของซื้อของฝากและอาหารของกินเล่น เป็นบรรยายกาศที่คึกคักเลยทีเดียว
เด็กนักเรียนใส่หมวกสีเหลือง นึกถึงการ์ตูนมารูโกะเลยค่ะ น่ารักกก
ก่อนเข้าไปถึงศาลเจ้าด้านในจะเจอประตูอีกชั้นมีชื่อว่า ประตูโฮโซมง ใหญ่โตกว่าประตูชั้นแรกอีกค่ะ และจุดเด่นที่พลาดไม่ได้ก็โคมแดงอันใหญ่ยักษ์นี่เลย สวยมากๆ
แอบมาส่องด้านฐานโคม โอ้โห สวยยิ่งกว่า สลักลวดลายมังกร ดูขลังมากๆ
ถ้าอยากได้ภาพฉายเดี่ยวแบบนี้ เพื่อนๆต้องมาตอนเช้า หรือก็กลางคืนนะคะ คนน้อยทางสะดวก
เข้ามาด้านในจะเจอกับ
- เจดีย์ห้าชั้น
- จุดเซียมซี
- จุดจำหน่ายเครื่องราง
- จุดสำหรับตักน้ำชำระร่างกาย
- จุดกระถางธูป
- อาคารหลักที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม
ซึ่งแต่ละจุดคนเยอะมาก อย่างอาคารหลักหากมาช่วงบ่าย ก็ต้องต่อแถวกันยาวเลยทีเดียว
ภาพในอาคารค่ะ เรามาในช่วงเช้าอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องรอต่อแถวก็สามารถเข้ามาชมและกราบไหว้ได้เลยซึ่งเราก็ถือโอกาสนี้ ลองเสี่ยงเซียมซีด้วยค่ะ
ยืนงงกับการแปลใบเซียมซี 55555
บรรยากาศประมาณ 7 โมงเช้าที่วัดเซนโซจิ
ภายในวัดมีที่นั่งใต้ต้นไม้ร่มรื่น
อีกด้านของวัดตรงนี้ก็จะเป็นถนน นากามิเซะ เป็นอีกจุดที่มีร้านค้า ร้านอาหารให้เดินเล่นกันค่ะ ถนน นากามิเซะ มีหลายแยกมากๆ โดยจะตั้งอยู่รอบบริเวณวัดเซนโซจิเลย หากใครมีโอกาสมาเที่ยววัดก็สามารถแวะมาเดินเล่นช็อปปิ้ง ถ่ายรูปเก๋ๆ บริเวณนี้ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีสถานที่อันสวยงามของเมืองอาซากุสะให้เดินเล่นเยี่ยมชมอีกมากมาย ถือเป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์มากๆเลย จะตอนเช้าก็คึกคัก ตอนค่ำก็เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป อาจจะไม่ค่อยวัยรุ่นมากนัก แต่ถ้าใครมาพักผ่อนก็ขอแนะนำเมืองอาซากุสะนี้เลย
อาซุมะบาชิ (Azumabashi Bridge) สะพานที่เป็นจุดข้ามแม่น้ำสุมิดะ มีสีแดงโดดเด่นสวยงาม มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่เรื่อยๆ ใกล้ๆกันจะเป็นท่าเรือ โตเกียวครูซ (Tokyo cruise) ที่มีบริการล่องเรือชมวิวจากอาซากุสะไปยังโอไดบะ ใครสนใจลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้นะที่ > SUJI BUS
ส่วนสะพานนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเช่นกันค่ะ เห็นได้ตลอดทางเป็นสะพานสำหรับรถยนต์ที่ข้ามแม่น้ำสุมิดะนั่นเอง
ตึกดองกี้อยู่ใกล้ๆกับบริเวณวัดเซนโซจิ สาขานี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใครไม่หลับไม่นอนแวะมาช็อปปิ้งกันได้ค่ะ ส่วนเราผ่านมาถ่ายรูปเฉยๆ พึ่งมาถึงวันแรกยังไม่พร้อมจะช็อป 555555
ปิดท้ายด้วยสวนสาธารณะที่เป็นแนวยาวไปกับแม่น้ำสุมิดะ มีชื่อว่า สวนสาธารณะสุมิดะ เราถ่ายจากฝั่งที่เป็นท่าเรือ ยามค่ำคืนก็มีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย และมานั่งพักผ่อนย่อนใจริมแม่น้ำ ส่วนเรามานั่งกินข้าวกล่องตรงนี้ อื้อฮืออเป็นบรรยากาศที่ดีสุดๆ
2.ชิบุยะ (Shibuya, 渋谷)
- แหล่งช็อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอหาร
- ห้าแยกชิบุย่าถ่ายรูปก็สวย ถ่ายวีดีโอก็เท่
- ห้าทุ่มกว่าก็ยังคึกคัก
ย่านชิบุย่า เรานั่งรถไฟใต้ดินสาย Ginza (G19) ยาวมาลง Shibuya (G01) เป็นปลายสายยันต้นสายเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มาถึงสี่ทุ่มกว่าๆ มีเวลาเดินเล่นประมาณ 1 ชั่วโมงเพราะรถไฟรอบสุดท้ายหมดเที่ยงคืน แล้วเรามาที่นี่ทำไม?
ก็มาเพราะมันเป็นที่เที่ยวมหาชนนั่นแหละ และมุมยอดฮิตพลาดไม่ได้!! นั่นก็คือ ห้าแยกชิบุย่า !!! กว่าจะได้รูปเท่ๆ (นี่เท่แล้ว) อิอิ ก็นั่นแหละค่า เดินหลายรอบมาก เราควรเตรียมท่าโพสต์และอุปกรณ์ถ่ายไว้ให้พร้อม เพราะเขาข้ามกันจริงจัง ถ้าเดินๆหยุดๆ จะไปเกะกะเอาได้ มีเวลาข้ามไม่มาก ถ้ายังไม่ได้ภาพที่ต้องการก็รอไฟแดงแล้วเดินข้ามไปข้ามใหม่นะคะแป๊ปเดียว
ย่านนี้คึกคักมาก เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ใหญ่เลยทีเดียว มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และตลอดทางก็จะเห็นนักแสดงเปิดหมวก แสดงโชว์ต่างๆ มีนักร้องเปิดหมวกเล่นดนตรีสนุกสนาน เป็นสีสันยามกลางคืนของย่านนี้เลย คึกคักจริงๆ
3.ฮะระจุกุ (Harajuku, 原宿)
- เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ดี แฟชั่นดี น่ารักกก มีร้านดังแบรนด์เนมเยอะ
- ร้านของหวาน ของกินเล่น น่ากินมาก เช่น เครปเย็น
- วัดเมจิ ร่มรื่นเหมือนไม่ได้อยู่ในเมือง หนีความวุ่นวายได้ดี
พูดถึงฮะระจุกุ ภาพก่อนมาก็นึกถึงความแบ๊วๆฟุ้งฟิ้งสีชมพูเต็มไปหมด แต่มันใช่ที่ไหนกันหละ 55555 จริงๆย่านนี้ก็มีทั้งความแฟชั่นและความดั้งเดิมผสมๆกันอยู่ ซึ่งสถานที่แรกที่เราไปนั่นก็คือ ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าชื่อดังเลยนะคะ ต้องมาๆ
เรานั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานีฮะระจุกุ และเดินตาม GPS เดินไม่ไกลมากซึ่งระหว่างทางก็จะมีป้ายบอกทางอยู่ ไม่ต้องกลัวหลงเลย มาถึงจะเห็นทางเข้าเป็นซุ้มประตูใหญ่โตเป็นเอกลักษณ์ เสาประตูแบบนี้เขาเรียกกันว่า โทริอิ (Torii) เราต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 10 นาที ถึงจะเจอกับอาคารหลักของศาลเจ้านะคะ
เดินยาวไปๆ ท่ามกลางฝนตก บรรยากาศร่มรื่นมากๆ เดินเข้ามายิ่งลึกเท่าไหร่ เหมือนได้หลุดออกจากโลกอันวุ่นวายไปเลย
เดินมาสักพักก็มาพบกับจุดที่ถ่ายรูปกันค่ะ ถ่ายรูปออกมาอย่างอาร์ต เพราะฉากหลังเป็นการนำถังสาเกที่มีลวดลายแตกต่างกัน มาเรียงกันยาวเป็นกำแพงใหญ่สวยงาม
เจอกับเสา Torii อีกอันแล้วค่ะ ถ้าเห็นเสานี้ เดินเข้าไปด้านในก็จะเจอกับตัวอาคารหลักค่ะ
ก่อนเข้ามาด้านในทางด้านซ้ายเป็นซุ้ม Temizuya เป็นจุดสำหรับชำระกาย (ล้างมือ,ล้างปาก) เป็นธรรมเนียมของคนญี่ปุ่นก่อนเข้าไปยังวัดหรือศาลเจ้า
และสิ่งที่ทุกคนนิยมทำกันในการมาศาลเจ้าเมจิ ก็คือการเขียนคำอวยพรลงใน อิมะ (Ema) แผ่นไม้เล็กๆ ซื้อได้ในราคา 500 เยน มีโต๊ะและปากกาให้เรายืนเขียนพร้อม เมื่อเราเขียนคำอธิษฐานลงไปบนแผ่นไม้เสร็จก็เอามาแขวนไว้ที่จุดนี้ได้เลยค่ะ
ก่อนเดินกลับเราเจอคู่บ่าวสาวกับชุดแต่งงานแบบนิกายซินโต งานแต่งแบบดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น ที่ศาลเจ้าเมจิ สามารถประกอบพิธีแต่งงานได้ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากๆเลย วันที่เราไปเห็น ดูเหมือนพวกเขาจะมาถ่ายภาพเพียงเท่านั้น แต่แค่ได้เห็นของจริงก็สุดยอดแล้ว งดงามเป็นเอกลักษณ์จริงๆ
ออกจากวัดมาจะเดินหาอะไรกินตามตรอกซอกซอย แต่ไม่มีร้านนั่งที่ถูกใจนัก ได้แวะร้านเล็กๆกินทาโกยากิรองท้องก่อน ระหว่างทางก็ได้เห็นอะไรที่แบบอาร์ตๆ ดิบๆดีค่ะ
แม้ฝนตกเราก็ยังคงหาร้านอาหารต่อไป จนเดินมาเจอถนนสายช้อปปิ้ง ทาเคชิตะ (Takeshita) บริเวณนี้ร้านค้าเยอะมาก ของกินน่ากินเยอะมาก เสื้อผ้าก็น่ารัก นี่แหละฮะระจุกุที่คิดไว้ในหัว 55555 แต่ก็อย่างที่เห็น เราต้องเดินกางร่มเที่ยว ร่มชนกันไปมาบ้าง และฝนก็เริ่มตกหนัก ทำให้ไม่สะดวกเข้าได้ทุกร้าน ได้เพียงเดินผ่านแล้วจากไป TT
แต่พอเราเดินจนสุดทาง ก็มาพบก็แหล่งช็อปปิ้งอีก บริเวรนี้มีร้านค้าแบรนด์เนมดังๆเพียบ มีห้างอย่าง Tokyo Plaza อยู่บริเวนสี่แยก เจริญหูเจริญตามากแต่เราก็ไม่ได้แวะเข้าไปดูเลย ด้วยความหิวจึงได้เปิดหาร้านก่อน และได้ไปเจอร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง
ร้านเล็กๆแต่คนไม่น้อยเลย ต้องต่อแถว รอเข้าคิวรอด้วยนะ ร้านนี้มีชื่อว่า TENDON TENYA อาหารส่วนใหญ่จะเป็นเทมปุระค่ะ รสชาติดีเลย มีหลากหลายเมนู ราคาไม่แพง ได้เยอะด้วย กินอิ่มมาก มีแรงไปเดินเที่ยวต่อแน่นอน อิอิ
4. ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Shijō, 築地市場)
- ร้านอาหารเยอะมากๆ
- ราคาอาหารไม่แพง รสชาติได้ คุณภาพได้
- คนเยอะตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนบ่ายตลาดวาย
“ตลาดปลาสึกิจิ” เรามาเที่ยวเป็นวันสุดท้ายของการมาเที่ยวญี่ปุ่น เนื่องจากต้องเช็ควันเปิด-ปิดของตลาด และโชคดีที่ยังพอมีเวลาเลยได้แวะมาชมสะหน่อยก่อนที่ ตลาดประมูลปลา ที่นี่จะย้ายไปที่ตลาดปลาโทโยสุ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกย้ายแล้วเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018 ที่ผ่านมา
แต่เราก็ไม่ได้มาเดินตลาดประมูลปลาหรอกค่ะ 5555 บริเวรนี้ยังมีร้านค้าร้านอาหารอีกมากมาย ของดี ราคาไม่แพง มาหาของกินที่ตลาดปลาสึกิจิกันค่า
เราเดินทางโดยนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Tsukiji ได้เลยค่ะ ออกจากสถานีเดินตามป้ายบอกทางที่เขียนว่า Tsukiji Market เดินมาประมาณ 150 เมตรก็ถึงที่หมาย
ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร มีทั้งของคาว ของหวาน ของกินเล่น เยอะมากๆ แต่ถ้าใครจะมาเดินแนะนำมากันเช้าๆเลยนะคะ เรามาช่วงบ่าย ตลาดจะวายแล้วค่ะ
เครื่องถ้วย จานก็มี
มีร้านอาหารและของกินเล่น ตลอดทาง
และเราก็ได้มาแวะร้านหนึ่ง เป็นมื้อที่แพงสุดในทริปแล้วค่ะ คือระหว่างทางเดินมามีร้านเยอะมาก เลือกไม่ถูก เรามาร้านอะไรก็ไม่แน่ใจชื่อร้านจริงๆค่ะ (ต้องขออภัย ฮรืออ) ทุกร้านจะแข่งขันเรียกลูกค้าพอสมควร เราด้อมๆมองๆอยู่หน้าร้าน สักพักก็มีพี่ผู้หญิงออกมาต้อนรับยิ้มแย้ม ประทับใจก็เดินเข้ามาเลยค่ะ
เมนูที่สั่งก็เบสิคมาก ข้าวหน้าปลาแซลม่อน กับ ข้าวหน้าปลาไหล พร้อมชาเขียวร้อนเข้มๆ อาหารสดจริงๆค่ะ เมนูไม่แปลกแต่ความรู้สึกที่กินที่ประเทศญี่ปุ่นกับกินที่บ้านเรามันต่างกันนะ 555555
ร้านเป็นเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ กินไปมองหน้าเชฟไป ต้องอร่อยแล้วหละ
กินอิ่มแล้วก็มีแรงเดินต่อ ตามตรอกซอยเล็กๆก็มีร้านค้ามากมายเลย
ร้านอะไรหว่า..เดินผ่านมา เลยถ่ายราคามาให้ดูค่ะ อาหารก็จะราคาประมาณนี้ เดินเข้าร้านที่มีป้ายราคาบอกตั้งแต่หน้าร้านก็จะดี เราจะได้รู้คร่าวๆ ว่ามื้อนี้จะจ่ายเท่าไรดีน้า อย่างเช่นเนื้อย่างร้านนี้
แพ้ทางเนื้อค่า เห็นเนื้อวากิวย่างขายไม้ละ 1000 – 2000 เยน เกิดมาไม่เคยกินเลยจ้า เนื้อวากิวเป็นยังไง ก็จัดมาลองสะหน่อย 2 ไม้
นุ่มละมุนลิ้น..ไม่พูดเยอะค่ะ 55555
ร้านค้าเริ่มปิดกันแล้ว ทุกคนขนของกันใหญ่ เป็นวันที่อยู่โตเกียวแล้วไม่เจอฝน และแดดกำลังดีเป็นวันปิดท้ายของการมาเยือนญี่ปุ่นที่สมบูรณ์แบบ
ยังไม่จบน้า เรายังมีที่เที่ยวรอบๆโตเกียวมาฝาก ติดตามต่อได้เลย
คามาคุระ (Kamakura, 鎌倉)
- เดินทางสะดวก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
- ไปเช้าเย็นกลับได้ เที่ยว 1 วันได้
- สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ คนเยอะ คึกคัก
ถ้าจะเที่ยวเช้าไปกลับ ที่ฮิตๆก็เมืองนี้เลย “คามาคุระ” เรานั่งรถไฟสาย Ginza (G19) ลงสถานี Shimbashi (G08) นั่งรถไฟ JR สาย Yokosuka Line ไปยังสถานีคามาคุระ ราคา 800เยน/เที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง มาที่นี่เราวางแผนเที่ยวมากมายแต่หน้างานเราได้ 3 ที่นั่นก็คือ
- ถนนโคมะชิ โดริ (Kamakura Komachi Dori Shopping Area)
- ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมัง(Tsuruoka Hachimangu Shrine)
- วัดโคโตะกุ (Kōtoku-in)
รอรถไฟค่ะ เดินลงมาใต้ดิน เห็นแล้วดูเก่าและน่ากลัวๆหน่อยค่ะ
แต่พอขึ้นมาแล้ว รถไฟสวย สะอาด คนไม่เยอะมาก เลือกหาที่นั่งตามอัธยาศัย
ถึงแล้วค่าา บรรยากาศนี้เหมือนในการ์ตูนอานิเมะเลย ยืนรอพระเอกที่สถานีรถไฟงี้ 5555
เมื่ออกมาจากสถานีคามาคุระ ซ้ายมือของเราจะเจอกับซุ้มประตูทางเข้า “ถนนโคมะชิ โดริ” ตรงนี้จะเป็นเหมือนถนนคนเดินสองข้างทางจะเป็นร้านค้า ของซื้อของฝาก ร้านขนม ร้านอาหาร
ฝนตกทั้งวันนะคะ ตกๆหยุดๆ แต่ทุกคนมีร่มเตรียมพร้อมกันมากๆ
ส่วนคนไม่มีร่มก็ต้องหลบๆฝนกันไป เนอะเจ้าแมว 5555 แต่สุดท้ายก็ต้องยอมซื้อร่มตรงถนนคนเดิน ร่มใส ราคา 300 เยน เป็นขนาดเล็กสุด ความแข็งแรงปานกลาง ซึ่งก็พังพอดีจบทริป
เดินจนสุดทางประมาณ 700 เมตรเราก็จะเจอ “ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมัง” เป็นวัดเก่าแก่ของ คามาคุระ ถูกสร้างมาเกือบ 1,000 ปีแล้วค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามีวัดนะคะ แต่เดินมาแล้วเห็นคนเยอะ ต้องมีสถานที่เที่ยวแน่เลย และก็มีเสียงดนตรีดัง ครึกครื้น ดูเหมือนกำลังจะมีงานหรือพิธีสำคัญค่ะ
เมื่อเข้ามาบริเวณด้านหน้าค่ะ ต้องเดินเข้าไปอีกประมาณ 300 เมตรถึงจะถึงตัวศาลเจ้า ทางเดินก่อนถึงศาลเจ้าจะมีซุ้มร้านค้าอยู่ 2-3 ร้าน ขายเนื้อย่างด้วยค่ะ
บริเวรด้านล่างที่กำลังจะมีพิธีสำคัญ ทุกคนกำลังรอกันเลย
มีลังสาเกตั้งเรียงกันเหมือนที่เคยเห็นที่ศาลเจ้าเมจิ เท่มากๆ อันนี้เราชอบๆ
ลืมบอกเลยค่ะ ที่นี่ไม่เสียค่าเข้านะ เดินได้รอบเลย บันไดนี้เป็นทางขึ้นไปยังศาลเจ้า ทางไม่ชันมาก เด็กเดินได้ผู้ใหญ่เดินดี คนแก่ชาวญี่ปุ่นเดินกันแข็งแรงเลย
ขึ้นมาด้านบนมีร้านขายเครื่องรางด้วย
มีแผ่นไม้ให้เขียนคำอธิษฐาน ^^
หากใครเสี่ยงเซียมซีและโชคดีได้ใบที่ดี ให้นำเก็บกลับไปติดตัวไว้นะ เพื่อให้ความโชคดีอยู่กับตัวเรานั่นเอง ส่วนใครที่ได้ไม่ค่อยดี ก็มาทิ้งที่นี่ค่ะ แต่ละวัดก็จะมีที่จัดเตรียมไว้ให้ผูกไว้ที่นี่เลย โชคไม่ดีไม่ต้องนำติดตัวไปนะ อิอิ
อาคารศาลเจ้าด้านบนค่ะ เรามาถ่ายด้านข้างอาคาร คนน้อยดี
ใกล้ๆกันมีซุ้มประตูโทริอิสีแดง สวยงามๆ มาถ่ายรูปบริเวรนี้ร่มรื่นมากๆ
เดินกลับลงมา เห็นอาคารกลางด้านล่างกำลังทำพิธีกันอยู่ค่ะ
เราเดินเที่ยวถ่ายรูปสักพักก็เดินกลับมาถนนโคมะชิ เพื่อมาหาร้านอาหารค่ะ เจอร้านหนึ่งไม่ทราบชื่อ ดูเป็นร้านดี มีที่นั่งเลยเดินเข้ามา รสชาติใช้ได้ จืดไปหน่อยตามแบบอาหารญี่ปุ่น กินเต็มพลังก่อนค่ะ เพราะเดินกันเยอะมาก ขาเพลี้ย คิดเป็นระยะทางเราเดินร่วมไปกลับเนี่ย 2 กิโลเลยน้า งื้อ
เดินทางต่อที่สุดท้าย “วัดโคโตะกุ” หรือที่เรารู้จักกัน “พระใหญ่ Daibutsu” จะเดินทางโดยรถเมล์จากหน้าสถานีคามาคุระก็ได้ ขึ้นสาย 2,3,4 แต่วันที่เราไปก็งงๆค่ะ เดินมาถามพนักงานในสถานีคามาคุระ เขาแนะนำให้ซื้อตั๋วรถไฟสาย Enoshima Dentetsu Line สีเขียวๆนี่เอง
ขึ้นมาผู้คนเยอะมากๆ หน้าเราติดกระจกเลย แต่ก็นั่งไม่กี่สถานีก็ถึงแล้วค่ะ ลงสถานี Hase ค่าโดยสารเสียไป 180 เยนค่ะ
คนมาลงสถานี Hase กันเยอะ โดยสังเกตส่วนมากก็มาวัดโคโตะกุที่เรากำลังจะไปกันแหละค่ะ
เมื่อลงจากสถานีแล้ว เดินตามป้ายเลยค่ะอีกประมาณ 450 เมตรก็ถึงแล้ว
ที่นี่เสียค่าเข้าคนละ 200 เยน เดินเข้ามาก็เจอพระใหญ่เลยค่ะ ใหญ่มากจริงๆ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เราเลยไม่ได้เดินชมอะไรมาก
ฝนตกหนักแค่ไหนคนก็ยังเยอะนะคะ แต่ถ่ายรูปไม่สวยเท่าไหร่ ฟ้าไม่เปิดเลย เศร้า
ออกจากวัดมาก็โดดขึ้นรถเมล์กลับไปสถานีคามาคุระเลยค่ะ ค่าโดยสาย 200 เยน รถเมล์ที่ผ่านหน้าวัดจะไปที่สถานีทุกสายนะคะ ขึ้นได้เลยสะดวกมาก
คาวาโกเอะ (Kawagoe, 川越)
- มีความโบราณ ย้อนยุคดี
- เดินทางไม่ยาก ใช้เวลาไม่เยอะ
- ไอติมกินตอนฝนตก อร่อยดีนะ
คาวาโกะเอะ เอ๊ะมาทำไม..มาดูเมืองเก่าที่นี่กันค่ะ ที่นี่มีโกดังเก่าสมัยเอโดะ ทั้งสองฝั่งจะเป็นตึกโบราณ มีร้านค้า และร้านอาหารมากมาย ถ้าได้เช่าชุดกิโมโนใส่แล้วเดินนี่เข้าสุดๆเลย ตามไปดูการเดินทางกัน
เราเดินทางจากโตเกียวสถานีใต้ดินไอกิเกบุโร นั่งรถไฟสายโทบุโทโจะไล มาลงสถานีคาวาโกเอะ ราคาอยู่ที่ 470 เยน/เที่ยว
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้วจ้า
เมื่อเดินออกจากสถานีมา ฝั่งตรงข้ามจะเห็นป้ายทางเข้า CREA MALL ตรงนี้เป็นแหล่งช็อปปิ้ง เป็นถนนคนเดิน เรามาในช่วงกลางวันแถมฝนตก คนเลยค่อนข้างเงียบ
เดินตามทางมาเรื่อยๆ ผ่านบ้านช่องต่างๆ ไม่ต้องตกใจว่าจะหลงนะคะ เดินยาวๆ แล้วจะเห็นกับโกดังเก่าที่หมายของเรานั่นเอง เดินเท้าประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น แต่ถ้าหากใครไม่สะดวกเดิน ก็สามารถนั่งรถเมล์ได้ หรือซื้อเป็นตั๋วเหมารายวัน 300 เยน/วัน ขึ้นกี่รอบก็ได้ค่ะ อ่านเพิ่มเต็มที่ Koedo Bus
ฝนตก ก็กางร่มลุย ร่ม 300เยนใช้คุ้มมากๆ
ภายในย่านโกดังเก่า จะเห็นหอระฆัง Toko no kane เป็นหอระฆังเก่าแก่ที่อยู่คู่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เลย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะช่วงที่ไปเขาปิดปรับปรุงค่าาา ฮืออออ
ถ่ายมาได้แต่ภายนอก และฝนตก็ตกหนักมากด้วย
เราได้กินไอติมชอฟเชิฟเพิ่มความสดชื่นด้วย อร่อยสุดๆเลยค่ะ
ส่วนสถานที่เที่ยวอื่นๆก็ในคาวาโกเอะ เช่น ประสาทคาวาโกเอะ (Kawagoe Castle), วัดคิตาอิน (Kita-in Temple), ตรอกขนมคาชิยะ โยโกโช (Kashiya Yokocho) เป็นต้น หากเพื่อนชอบๆความย้อนยุคๆ โบราณเก่าแก่ ต้องมาให้ได้เลยนะคะ
สำหรับที่เที่ยวที่เราไปในญี่ปุ่น แพลนอาจจะคล้ายๆหลายคนที่ไปมา เพราะคิดว่าไปครั้งแรกก็เอาแบบที่คนอื่นเขาไปนั่นแหละ แต่ความพิเศษก็คือระหว่างและเรื่องราวของเราที่ไม่เหมือนใคร ยังไงถ้าชอบก็ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
หากใครมีคำถามหรือข้อสงสัย ทักมาถามมาคุยกันได้นะ
ถ้าชอบฝากติดตามด้วยนะ มีเรื่อง Update จะได้ไม่พลาดกันนะ
ขอบคุณทุกคนค่าาาา <3
Follow Me :
on Facebook Kalokkokgrace
on YouTube Kalokokgrace
on IG @kalokkokgrace