เขาใหญ่ วันเดียวก็เที่ยวได้ ไร่-ฟาร์ม-คาเฟ่

Published by graceiya on

ขับรถเที่ยวชิวๆ ไปเขาใหญ่ เที่ยวเช้าเย็นกลับ…สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ

ทริปนี้เราจะไปเที่ยว “เขาใหญ่” กันจ้า ใครมีเวลาน้อย อยากเที่ยวพักผ่อน สัมผัสธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เขาใหญ่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งนะ ไม่ต้องค้างคืนใช้วันเดียวที่มี เที่ยวให้คุ้มกันเถอะ

เราเดินทางออกจากรุงเทพฯประมาณ 8 โมงเช้า  ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงเขาใหญ่ จริงๆแล้วเป็นการเที่ยวครั้งนี้ ไม่ได้แพลนอะไรมาก่อนเลย เป้าหมายหลักคือร้านคาเฟ่ร้านเดียวด้วยซ้ำ แต่ไหนๆก็ขับรถไปตั้งไกลแล้ว หาที่เที่ยวทำกิจกรรมสนุกๆสักหน่อยดีกว่า จะได้ไปไหนบ้างใน 1 วันไปชมกันเลย

11:00 น. > เขาใหญ่ฟาร์มวิลเลจ

อยากได้กิจกรรมทำนัก ต้องมาที่นี่เลย “เขาใหญ่ฟาร์มวิลเลจ” เป็นฟาร์มแกะ ฟาร์มกระต่าย มีการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่จะมีน้องๆอาสาสมัคร พาเราชมในสถานที่ต่างๆ

ด้านในเป็นเหมือนศูนย์เรียนรู้ขนาดย่อมที่มีโรงเรือนเห็ด โรงเรือนผัก ฟาร์มไส้เดือน โรงน้ำหมัก EM สวนดอกไม้ ฯลฯ และมีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆที่สามารถเลือกได้อีกหลายรายการ เช่น ทำแชมพูหรือสบู่สมุนไพร จัดสวนในขวด พิซซ่าเตาถ่าน ปั้นดิน ทำเทียน เก็บเห็ด เป็นต้น

ได้ทั้งความรู้และได้ความเพลิดเพลินและเป็นกิจกรรมสานสัมพันธ์ได้ดีเลย มาเป็นคู่รักก็ได้ มาเป็นครอบครัวก็ดี บ้านไหนมีเด็กๆ พามาเที่ยว ได้เรียนรู้ไปในตัวเลย หรือมากับเพื่อนๆก็มีกิจกรรม Adventure เช่น ขี่ ATV เพ้นบอล เลือกซื้อได้แพคเก็จหลากหลาย

ส่วนเราขอเป็นกิจกรรมเบาๆก่อน เมื่อเข้ามาถึงด้านหน้าจะเป็นจุดขายของฝาก ขายผลิตภัณฑ์ที่มาจากฟาร์ม และก็เป็นจุดซื้อตั๋ว มีค่าบริการเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 100 บาท และเด็กสูงไม่เกิน 130 ซม. เข้าชมฟรี ราคานี้ก็เข้าชมได้ทุกส่วนของฟาร์ม อยู่ได้ตลอดทั้งวัน (แต่ใครจะอยู่ทั้งวันกันเล่า) ส่วนกิจกรรมอื่นๆที่บอกไปใครอยากทำอะไรบ้าง ก็จ่ายเพิ่มค่ะ

ทางเข้าไปในโซนฟาร์มสัตว์ ด้านในไม่ใหญ่มาก มีทั้งน้องแกะ และน้องกระต่าย

มองหาแกะ แกะเยอะไปหมด ขนฟูๆเดินไปเดินมาไม่ค่อยสนใจมนุษย์อย่างเราสักเท่าไร เพราะไม่มีอาหารให้พวกแกใช่มั้ย 5555555

พบแกะ 1 ตัว อยากถ่ายรูปด้วยแล้ว เย้ๆ หน้าตาช่างมีความสุข

เดินเข้ามาด้านในอีกนิดหนึ่งก็จะเป็นส่วนของน้องกระต่าย พื้นที่เดียวกัน แค่มีประตูรั้วกันเท่านั้น

ในฟาร์มก็มีมุมสวยๆให้ได้ถ่ายรูป เก๋ๆด้วยนะ

รายล้อมไปด้วยเจ้ากระต่ายน้อย

ซึ่งจริงๆแล้วพวกนางก็ไม่ได้สนใจเราสักเท่าไหร่ 5555

เดินเล่นถ่ายรูปเสร็จ ขณะที่กำลังจะเดินออก..หันไปเห็นจักรยานจอดอยู่ ก็อยากเสียเหงื่อขึ้นมา ใครไม่อยากเดินก็มาถีบกันได้ (มีค่าบริการนะ หลักสิบนี่แหละ) แต่ตอนนั้นเรากดไลค์เพจ เลยได้ถีบฟรี!

อยากถีบก็เดินไปบอกพนักงานที่ดูแลได้เลย เขาจะมาไขกุญแจที่ล็อกเอาไว้ให้ แล้วก็ให้เราปั่นรอบฟาร์มตามอัธยศัย ปั่นสิบรอบ ยี่สิบรอบก็ได้ถ้าไหว

สนุกสนานกับการปั่นจักรยานกันไป เราก็มาเดินชมบริเวณอื่นกันบ้าง เดินหน้างงๆกำลังดูป้ายว่าจะไปทางไหน ก็มีน้องอาสาเข้ามาทัก แล้วพาไปชมรอบๆ พร้อมกับอธิบายแต่ละจุด ความสำคัญของการปลูกนู่นนี่นั่น ก็ได้ความรู้กันไป

มาถึงกิจกรรมเสริมที่เราเลือกก็คือ “พิซซ่าเตาถ่าน” ไม่รู้ว่าหิวหรือหิว ก็เลือกทำอันนี้แหละ น้องอาสาก็จะเป็นคนสอนพี่ๆเองเลย เริ่มจากการนวดแป้ง คลึงแป้ง ใส่วัตถุดิบ แล้วก็เอาเข้าเตาถ่าน มันก็ไม่มีอะไรยาก แต่ที่พิเศษก็คือวัตถุดิบออแกนิคจากฟาร์มเลยนะ

ส่วนการอบด้วยเตาถ่านก็น่าตื่นเต้น ไฟร้อนมาก น้องๆผู้ชำนาญเขาจะจัดการให้เราเอง

หน้าตาก็ช่างน่ากินยิ่งนัก ฝีมือตัวเองมันก็ต้องชมเอง กินเอง ใช่มั้ยละ

คือกิจกรรมมันก็เยอะมาก ถ้าจะมาทำอย่างเดียวก็น้อยไป อีกหนึ่งกิจกรรมที่เลือกก็คือ “ปั้นดิน” น้อง(คนเดิม) ก็อธิบายขั้นตอนการทำและพามาดูผลงานที่ทำกัน พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ในการปั้น นั่นก็คือ ดินกับเครื่องมือทำลวดลาย ชุดแกะสลัก

ตอนแรกในใจคิดว่าก็คงเหมือนปั้นดินน้ำมันงี้ นั่งจินตนาการสักพัก จะปั้นอะไรดีนะ อะไรปั้นง่ายๆบ้าง ก็ถามน้องเขาไป น้องบอกสับปะรดบ้าง แกะบ้าง ตอนที่ยังไม่ได้ลงมือทำก็คิดว่าธรรมดาไปปปปปะ พอได้ปั้นแล้ว เอาให้กลมยังยากเลย 5555555 แต่สุดท้ายล้ว…ก็สำเร็จ เย้

ตอนลงมือปั้นมือเลอะไปหมดไม่ได้เก็บภาพมาฝากเลย แรกๆคือเละนะจ๊ะ พอปั้นเสร็จสวยมั้ยคะ อิอิ ทำเสร็จก็เอากลับบ้านเป็นที่ระถึกได้เลย เอ้ย ที่ระลึกได้เลย วันที่ไปไม่มีเตาเผาดิน เลยได้กลับมาดิบๆ เก็บไว้ชื่นชม

13:00 > The Birder’s Lodge 

และคาเฟ่นี้แหละที่ตั้งใจจะมาตั้งแต่แรก เราเดินทางมาจากเขาใหญ่ฟาร์มวิลเลจไม่ไกลมากนัก ก็ถึงร้านเป้าหมายของเรา “เดอะ เบอร์เดอร์ส ลอดจ์ “(The Birder’s Lodge) มาถึงด้านหน้าเราจะเห็นไม้เลื้อยเต็มผนังหนังใหญ่โตมาก เป็นหนึ่งจุดเด่นที่หลายๆคนมาเพื่อถ่ายรูปกันที่นี่เลย

ตรงนี้ปกติเสาร์-อาทิตย์จะเปิดเป็นที่ขายของผลิตภัณฑ์ทางเกษตรอินทรีและพืชผักพื้นที่สูง เช่น อะโวคาโด มะเขือแดง เห็ดโคน และของฝากอื่นๆ

ส่วนวันนี้เราไปวันธรรมดา คนไม่เยอะมาก ก็ได้รูปบริเวณนี้ไปหลายท่าเลยทีเดียว

มาถึงตัวคาเฟ่ รูปทรงเป็นเอกลักษณ์มากๆ มีที่นั่งทั้งโซนด้านนอก ด้านในและ ด้านบน บรรยากาศคืออยู่ท่ามกลางธรรมชาติสุดๆ ราคาค่อนข้างสูง รสชาติจัดว่าใช้ได้ คนมาเยอะมากๆเลย

ข้างในออกแบบมาได้อบอุ่นเมานั่งพักผ่อนอยู่บ้าน สบายๆ ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ประดับด้วยต้นไม้เขียวๆอยู่ทุกพื้นที่ ให้ความเป็นธรรมชาติและรู้สึกผ่อนคลายจริงๆ

นอกจากเครื่องดื่มแล้วก็มีของหวานอย่างขนมเค้กด้วยค่ะ

ชิวๆเหมือนอยู่บ้านมั้ยหละ เก๋ๆ

ที่นั่งโซนด้านนอกที่อยู่หลังร้านค่ะ บรรยากาศจะร่มรื่นเพราะมีต้นไม้บังแดด พื้นที่ไม่ใหญ่มาก

ที่นั่งโซนชั้นสอง มีทั้งในอาคารและนอกอาคาร ที่นั่งเยอะ รองรับนักท่องเที่ยวพอแน่นอน

ออกมานั่งเล่นด้านหน้าบ้าง เจอเจ้าแมวมาป้วนเปี้ยน เหมือนอยากให้อ้อน

แต่เปล่าเลย นางหาที่นอนแล้วก็หลับอย่างสบาย ส่วนมุมด้านหน้าก็สวยไปอีกแบบค่ะ

เมนูที่เราสั่งคือ ชาเขียวปั่น กินไปถ่ายรูปเล่นไป สังเกตได้ว่าคนเข้าร้านเรื่อยๆเลย เป็นอีกหนึ่งร้านที่หลายคนนิยมมา และเราก็ชอบเหมือนกันนะ บรรยากาศดีจริงๆ

14:00 น. ไร่องุ่นกรานมอนเต้ ปากช่อง

มาถึงที่สุดท้ายกันแล้ว จริงๆแล้วตั้งใจไปที่ “ไร่องุ่นพีบี วัลเล่ย์” ขับรถไปจอดเรียบร้อย แต่ก็เปลี่ยนใจกะทันหันเนื่องจากเวลาและที่นี่ก็มีค่าบริการเข้าชม พื้นที่ไร่ใหญ่มาก (ดูจากรูปในเน็ต) รวมๆแล้วคิดว่าต้องรีบเที่ยวคงเอาไว้วันหลังเลยตัดสินใจไปไร่ที่อยู่ถัดไปนั่นก็คือ “ไร่องุ่นกรานมอนเต้”

เรามานั่งจิบไวน์หรอ ไม่ใช่!! ก็สั่งเครื่องดื่มน้ำองุ่นที่ขึ้นชื่อของที่นี่มาแก้วนึง พร้อมกับนั่งชมวิวภูเขาที่โอบล้อม เป็นบรรยากาศที่สงบสุขอย่างบอกไม่ถูก

ก่อนกลับเราก็มาเยี่ยมชมองุ่นของไร่นี้สักหน่อย เด้วจะหาว่ามาไม่ถึงไร่ 55555 บรรยากาศที่นี่เหมือนยุโรปหน่อยๆ มีขายของฝากที่เป็นภัณฑ์จากองุ่นของที่ไร่ เช่น ไวน์ แยม ไพน์ เบอเกอรี่ เป็นต้น มีร้านอาหารชื่อว่า VinCotto Restaurant และมีที่พักบริการด้วย เรียกได้ว่าครบ ใครที่ต้องการมาพักผ่อนบรรยากาศเงียบสงบ ที่นี่โอเคมีครบเลย


ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆที่ได้ขับรถเที่ยวมาที่ “เขาใหญ่” แต่ก็สนุกและเพลินกับบรรยากาศธรรมชาติมากๆ ได้อยู่ในที่ที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ภูเขา ก็ถือว่ามาสูดอากาศธรรมชาติล้างปลอดให้สดชื่นได้เลย

มาเขาใหญ่หลายสิบครั้ง แต่การมากันเองสองคน ครั้งแรกทั้งคู่ก็รู้สึกว่า ตื่นเต้นไม่ใช่น้อย ทั้งขับรถหลงทางบ้าง ต้องมาช่วยกันดู GPS บ้าง หรือการเปลี่ยนแพลนกะทันหัน แต่ก็จบทริปได้อย่างดีใช้เวลา 1 วันได้เต็มที่แล้ว ใครมีเวลาน้อย อยากออกไปเที่ยว ไปเลยค่ะ สนุกแน่นอน

Please Follow Me & Share

IG : https://www.instragram.com/kalokkokgrace
Facebook : https://www.faceboo.com/kalokkokgrace

ติดต่อสอบถามข้อมูลกับ กะล็อกก็อกเกรซ ได้นะคะ