บ้านป่าบงเปียง เที่ยวเชียงใหม่ ชมนาขั้นบันไดสุดฟิน

Published by graceiya on

บ้านป่าบงเปียง #นาขั้นบันได ยอดฮิต ที่เที่ยวเชียงใหม่กับวิวที่แสนอลังการ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน กะล็อกก็อกเกรซกลับมาอีกครั้ง ทริปนี้เราบินขึ้นเชียงใหม่ด้วยเวลาสั้นๆเพียง 3 วัน 2 คืน และมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาจาก Bikky เชียงใหม่ เจ้าเดิมขาประจำ(โคตรอึด) ทริปเล็กๆที่จะพาทุกคนออกไปเห็นวิวธรรมชาติอันกว้างใหญ่

เริ่มต้นด้วยจุดหมายแรก เมนหลักที่ตัั้งใจมาในครั้งนี้เลยก็คือ การได้มาพักโฮมสเตย์ ชมนาขั้นบันไดที่ “บ้านป่าบงเปียง” นั่นเอง!!

ฤดูการเที่ยว นาขั้นบันได “หมู่บ้านป่าบงเปียง”

  • ช่วงดำนา เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม : ชาวบ้านจะเริ่มดำนาในเดือน ก.ค. ค่ะ บางเพจของที่พักจะอัปเดทให้เราเห็นเลยว่าเริ่มดำแล้วน้าาา
  • ช่วงนาสีเขียว เดือนสิงหาคม-ตุลาคม : ช่วงนี้นาเริ่มเป็นสีเขียวชอุ่ม เป็นช่วงเวลายอดฮิต แต่หน้าฝนน้า!! ถ้าเป็นต้นเดือนสิงหาคมอาจจะไม่เขียวเต็มพื้นที่นัก มาช่วงนี้สดชื่นทั้งสีเขียวที่สบายตาและสายฝนที่ชุ่มฉ่ำ
  • ช่วงนาสีทอง เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน : นาสีเหลืองทองอร่าม ดูจากภาพของคนอื่นมา สวยไม่แพ้กันเลย (แต่ยังไม่เคยเห็นของจริงนะคะ5555)

การเดินทาง ไปยัง “หมู่บ้านป่าบงเปียง”

สนามบินเชียงใหม่ > ตัวเมือง เราเดินออกจากอาคารมาโบกรถแดงเพื่อไปรับรถที่เช่าเอาไว้ที่ร้าน Bikky สาขา กาดสวนแก้ว มีการต่อราคาเล็กน้อย โดยได้ค่าโดยสารมาที่ราคา 40 บาท/คน

รถที่จองไว้คือ Yamaha Qbix 125cc ขึ้นดอยขึ้นเขา แรงดี เอาอยู่เลยค่าาาา ~พร้อมแล้วลุยกัน!

เริ่มออกเดินทางจากตัวเมืองเกือบบ่ายสามได้ มุ่งหน้าไปยังอำเภอจอมทอง หมายเลขทางหลวง 108 และเลี้ยวขวาเข้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์หมายเลขทางหลวง 1009

ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้ามาเส้น 1009 นี้ จะมีจุดสังเกตก็คือปั้มน้ำมัน ปตท. เพื่อความพร้อมในการเดินทางยาวๆ แวะเติมน้ำมันหรือจะซื้อของ เข้าห้องน้ำกันไว้ก่อนก็จะดีค่ะ (เตือนแล้วน้า -0-)

การไปหมู่บ้านป่าบงเปียงจากทางอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์จะต้องผ่านด่านตรวจของอุทยานฯทั้งหมด 2 ด่าน ระยะทางจากตัวเมือง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับเส้นทางรอบข้าง อยู่ๆฝนก็เทลงมา หาที่หลบกันแทบไม่ทัน พอดี๊พอดีขี่มาเจอที่จอดตรงข้ามอุทยานฯ จึงตัดสินใจพักรถเพื่อความปลอดภัยก่อนค่า

มีเวลาพักรถเลยเปิด GPS ดูระยะทางจากหน้าอุทยานแห่งชาติฯไปถึงบ้านมาฉิโพเหลืออีกเพียง 24 กิโลเมตร ใช้เวลา 46 นาที ถึงสภาพเราจะดูทุลักทุเล แต่ก็พร้อมลุยต่อได้เสมอ อีกไม่ไกลและฝนก็เริ่มซาแล้ว ต้องไปให้ทันก่อนค่ำให้ได้

ผ่านด่าน2 มาแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1192 เป็นเส้นทางมุ่งสู่อำเภอแม่แจ่ม เส้นทางที่ไปปจะเจอทางโค้งหักศอกและทางลาดชันเป็นระยะ ต้องขับขี่อย่างระมัดระวังมากๆค่ะ

ตื่นเต้นกับเส้นทางได้พักนึง เริ่มเอะใจว่าเลยหรือป่าวน้า!? ต้องบอกก่อนว่าพอผ่านด่าน2มา เราไม่ได้เปิด GPS นำทางเพราะต้องการเชฟแบตมือถือ และคิดว่าได้ดูรีวิวมาก่อนแล้วว่าจะเจอป้ายทางเข้าแบบนี้…

ทางเข้านี้แหละค่ะ ที่พีคสุดในทริป!! ใครมาถึงตรงนี้แล้ว รีบถอยหลังกลับโดยด่วน เราขี่มอเตอร์ไซค์พอไปได้แบบยากหน่อย ส่วนรถเก๋งไม่น่ารอด ไม่แนะนำมากๆ ทางโหดมาก มีหลุมมีบ่อ ทางทรุดตลอดทาง และยังชันมากๆ ถนนเป็นดินหมด โชคดีที่ไม่เจอฝนตอนนั้น ไม่งั้นเละแน่นอน TT” (ไม่แน่ใจว่ายังมีนักท่องเที่ยวมาทางนี้อยู่มั้ย)

ทางเข้าน้ำตกแม่ปานทางที่แนะนำคือทางเข้า น้ำตกแม่ปาน ค่ะ เส้นทางขับขี่ง่ายกว่าที่เราไปเยอะ หากใครจะมาทางนี้ให้สังเกตป้าย “หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน(แม่แจ่ม) อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์” เห็นป้ายนี้เลี้ยวเข้ามาตามทางก็จะเจอหมู่บ้านอย่างแน่นอน ทางดีมากๆ รถยนต์สามารถเข้าได้สบาย 

ภาพที่เก็บไว้ช่วงขากลับค่ะ ทางดีมาก จะมีถนนที่แคบบ้าง ในช่วงที่เราไป ไม่ค่อยมีรถเข้าออกสวนทางกันเลย ถนนโล่งอย่างที่เห็นเลย ขี่ง่ายกว่าเยอะ

แต่!! ถ้าเพื่อนๆคนไหนชอบลุยๆ วิบากหน่อยๆก็ลองไปทางแบบที่เราไปได้เลย ไม่ขัดนะคะ เพราะวิวตรงนั้นน่ะสวยมากตอนแสงอ่อนยามเย็น จะว่าไปก็เป็นสีสันความสนุกอีกแบบ เสียดายตอนลุยไม่ได้ถ่ายอะไรทั้งนั้น มีเพียงภาพเดียวก่อนที่จะเข้าไป…ทางจะประมาณนี้-“

ขี่เข้าไปแรกๆก็หัวเราะ เฮฮา แบบโอ้ยยย ฉันมาทำอะไรที่นี่ แต่ก็ดันทุลังต่อไปเรื่อยๆ ขี่ตาม GPS ที่ไม่มีสัญญาณแล้วค่า ตลอดเส้นทางมีทั้งขึ้นเขา ลงเขา เจอพี่วัว เจอน้องหมา ก็เริ่มแอบกลัวไปหมด อยากจะร้องห้ายยยย ยิ่งมองไปเห็นพระอาทิตย์ใกล้ลับฟ้า…

โอเค แสงแห่งความหวัง 555555 ไม่มีทางไหนแล้วนอกจากไปต่อให้ได้ ถ้าหันหลังกลับไปก็เจอทางเดิมเลยต้องไปให้ถึง!! สู้โว้ยย ฮึบบบบ

และในที่สุดก็สำเร็จ ผ่านมาได้อย่าปลอดภัยทั้งคนและรถมอเตอร์ไซค์ เปิดประสบการณ์เส้นทางบ้านป่าบงเปียงแสนจะท้าทายสุด ใครที่อยากมาสัมผัสต้องประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วยน้า

.

บ้านพักโฮมสเตย์  “หมู่บ้านป่าบงเปียง”

บ้านพักบนหมู่บ้านป่าบงเปียงส่วนใหญ่จะเป็นกระท่อมที่ชาวบ้านที่นั่นสร้างขึ้นมา วิวเป็นท้องนามองแล้วไม่ต่างกันมาก หรือมองไปมองมาก็สวยเหมือนกันหมด อาจจะต่างกันที่ทิศทางเล็กน้อย ที่พักที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ราคาตกคืนละ 500บาท/คน รวมอาหารมื้อเย็นและมื้อเช้า

บ้านพักที่เราเลือกก็คือ บ้านมาฉิโพ ป่าบงเปียง การจอง ติดต่อผ่านทางไลน์ได้เลยค่า แอดไลน์ที่ 08102016910(พี่วิชัย) Fan page > มาฉิโพ ป่าบงเปียง Tel. 081 020 1691

เมื่อมาถึงที่พักแล้ว ก็โทรติดต่อพี่วิชัย ระหว่างรอนั่งมองแสงอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้าด้วยความเหน็ดเหนื่อย หมดแรง ไม่ถึงห้านาทีพี่วิชัยก็มาถึง แล้วพูดว่า เดี๋ยวพาไปบ้านกลางนา  ห้องนี้วิวสวยที่สุดเพราะอยู่กลางคันนาที่สุดเลย มีคนจองแล้วไม่มา ว้าวมากค่ะ ตาเป็นประกาย555 แต่ตอนนั้นเหนื่อยมาก ไม่คิดอะไร แค่รู้ว่ายังไม่ถึง ต้องเดินอีกนิดก็แอบท้อในใจ 55555

จากบ้านมาฉิโพที่อยู่ด้านบน เราต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลงมาอีกนิดหน่อย และจอดรถที่ริมทาง จากนั้นเดินลงคันนา (ไม่ยากไม่ง่าย) แต่ต้องมีสติเพราะมีคนลื่นค่า555 ดีนะที่พี่เขาช่วยถือของเราเลยเดินตัวปลิว ชิวๆไปถึงบ้านได้สบาย

คนสูงอายุหรือเข่าไม่ดี แนะนำบ้านริมคันนาดีกว่านะคะ แจ้งพี่เขาตอนจองที่พักก็ได้ค่า

.

รีวิว บ้านพักโฮมเสตย์ มาฉิโพ ป่าบงเปียง

“บ้านมาฉิโพ” มีหลายหลัง หลังริมนา ด้านหลังบ้านจะติดถนนแต่หันหน้าเข้าหานา ตัวบ้านมีระเบียงด้านหน้า ส่วนหลังกลางนาก็กลางจริงๆ กลางแบบไม่มีอะไรกั้น! แถมมีดาดฟ้าด้านบนด้วยกว้างมาก มีห้องนอนสองห้อง บ้านหลังใหญ่เหมาะกับการมาเป็นกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวค่ะ พื้นที่เยอะแบบวิ่งเล่นหรือนอนกลิ้งได้สบาย

  • ห้องนอน : มีสองห้อง แต่จะเปิดให้ตามจำนวนคน ห้องละ2คน ห้องไม่ใหญ่ ด้านในมีที่นอน ผ้าห่ม หมอน มุ้ง หอม สะอาด
  • ห้องน้ำ : ไม่มีน้ำอุ่นหรอกนะคะ 55555 น้ำเต็มๆในถัง ตักอาบจ้า!! น้ำสะอาด รอบๆห้องน้ำจะมีคราบเทียนรอบเลยเพราะในห้องน้ำไม่มีไฟ ก็อาบน้ำใต้แสงเทียนไปฟินๆ
  • ห้องโถง : สำหรับปูเสื่อนั่งกินข้าว นั่งเล่น นั่งคุย ด้านข้างห้องนอนมีราวไว้ตากผ้าได้ด้วยค่ะ
  • ดาดฟ้า : บันไดทางขึ้นต้องค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังหน่อยนะคะ พอขึ้นมาจะรู้สึกได้เลยว่า ว่ามันสูงนะเนี่ย บรรยากศดีเหมาะแก่การนอนดูดาว หรือชมบรรยกาศท้องนาได้แบบ 360 องศาเลย
  • อื่นๆ : กาแฟ-โอวัลตินซอง แก้วน้ำ น้ำดื่ม ไฟแช็ค รองเท้าแตะสำหรับเข้าห้องน้ำ และเทียนหลายเล่มวางไว้บนขันโตกหน้าห้องนอน ส่วนไฟ LED แบบคาดหัวอันนี้พี่เค้าให้เราไว้ตอนที่มาส่ง 1 อัน

นั่งชมพระอาทิตย์ตก กับธรรมชาติที่งดงามให้หายเหนื่อย ถึงจะมีอุปสรรค์กับการเดินทางไปบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี แอบภูมิใจเหมือนกันแหะ ^^ 

อิ่มใจกันแล้วมาอิ่มกันต่อกับอาหารมื้อเย็นของที่นี่ ได้มาเป็นตระกร้าเลยค่ะ ในตระกร้ามีข้าวหนึ่งกระติก ปิ่นโต และอุปกรณ์จานช้อนมาให้เรียบร้อย ไม่รอช้า ตั้งขันโตก แล้วกินข้าวเย็นอย่างอร่อย กับข้าวทุกอย่างได้เยอะมาก และกินหมดอย่างน่าประหลาดใจ รู้เลยนะคะ หมดแรงของจริง55555

ตกดึกอากาศเริ่มเย็น น้ำก็เย็นด้วยเช่นกัน กว่าจะทำใจอาบน้ำได้ แต่พออาบเสร็จกลับไม่รู้สึกเย็นหรือหนาวเลย สบายตัวมากๆ จะมีก็แต่ช่วงเช้าที่ใกล้จะตื่นรู้สึกว่า เอ๊ะใครเปิดแอร์นะ เย็นฟิลนั้นเลย~

บรรยากาศตอนเช้าสดชื่นมากๆ นอนไวตื่นไวมาเห็นหมอกยามเช้าเบาๆ พร้อมกับสูดอากาศที่ช่างบริสุทธิ หายใจได้เต็มปอด

ในช่วงเช้าเราจะเห็นผู้คนเริ่มลงมาเดินเล่น ชมบรรยากาศที่คันนา ถ่ายรูปกันเก๋ๆ

สำหรับมื้อเช้าเป็นข้าวต้มร้อนๆ หอมอร่อย กินอิ่มก็นอนต่อ นอนกินบรรยาศหน้าบ้าน ใช้ชีวิตแบบไม่รีบไม่ร้อน ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง กว่าจะเก็บกระเป๋าสัมภาระได้ก็เกือบเที่ยง ใช้ทุกนาทีกับบ้านป่าบงเปียงอย่างเต็มอิ่มไปเลย

การได้มาพักที่นี่เหมือนมาชาร์จแบตให้เต็ม ชาร์จสำรองๆเอาไว้อีก พักเรื่องหนักสมอง แล้วลองมาเที่ยวบ้านป่าบงเปียงกันดูนะคะ 

.


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

  • อ่างเก็บน้ำห้วยลาน (coming soon)
  • เช่ามอเตอร์ไซค์ที่เชียงใหม่ (coming soon)
  • 10 ร้านดัง เชียงใหม่แวะชิมกันเจ้า (coming soon)

ถ้าใครชอบ kalokkokgraceฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคนค่าาาา <3

ติดตามทริปท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่ : https://www.kalokkokgrace.com/


Please Follow Me :
on Facebook Kalokkokgrace
on YouTube Kalokokgrace
on IG @kalokkokgrace

.

ส่วนลดจากกะล็อกก็อกเกรซ : ส่วนลดจองกิจกรรมครั้งแรก Klook / ส่วนลด Booking.com / ส่วนลดของที่พักครั้งแรก Airbnb

ติดต่อสอบถามข้อมูลกับ กะล็อกก็อกเกรซ ได้นะคะ